วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552

คู่มือการจัดหน้า

คุณลักษณะการจัดหน้าของ Blogger เป็นคุณสมบัติการแก้ไขแม่แบบที่ใช้งานง่าย ช่วยให้คุณสามารถใช้แม่แบบ Blogger โดยไม่ต้องอาศัยความรู้ด้าน HTML หรือ CSS แต่อย่างใด ขณะนี้คุณสามารถแก้ไขและปรับแต่งสี แบบอักษร ส่วนหัวและแถบด้านข้างของบล็อกด้วยการคลิกเมาส์ไม่กี่ครั้ง ในการปรับแต่งการจัดหน้าของบล็อก ให้ไปที่แท็บ แม่แบบ องค์ประกอบของหน้า ใน Blogger


การย้ายองค์ประกอบในแม่แบบของคุณ

วิธีจัดเรียงองค์ประกอบในแม่แบบของคุณ
คุณสามารถจัดเรียงองค์ประกอบในแม่แบบของคุณได้ตามที่ต้องการให้ปรากฏ เพียงคลิกองค์ประกอบที่คุณต้องการย้าย จากนั้นลากและวางองค์ประกอบในที่ซึ่งคุณต้องการ คุณสามารถย้ายองค์ประกอบของหน้าไปยังด้านล่างของหน้า ที่ใดก็ได้ในแถบด้านข้าง ใต้หรือข้างบนบทความบล็อกของคุณ (หมายเหตุ: คุณสามารถย้ายองค์ประกอบทั้งหมดยกเว้น navbar บทความบล็อก และส่วนหัวในบางแม่แบบ)


การแก้ไของค์ประกอบในแม่แบบของคุณ
วิธีแก้ไข Navbar ของคุณ
การคลิก "แก้ไข" ในส่วน Navbar จะช่วยให้คุณสามารถเลือกสีที่ต้องการสำหรับ Navbar

วิธีแก้ไขส่วนหัวของคุณ
การคลิก "แก้ไข" ในส่วนหัวจะช่วยให้คุณสามารถเพิ่มหรือแก้ไขส่วนหัวของบล็อก ซึ่งรวมถึงชื่อบล็อกและคำอธิบายบล็อกด้วย

วิธีแก้ไขบทความบล็อกของคุณ
การคลิก "แก้ไข" ในส่วนของบทความบล็อกจะทำให้คุณสามารถเลือกจำนวนบทความที่คุณต้องการแสดงบนหน้าหลักของคุณ คุณสามารถเลือกจำนวนวันพร้อมด้วยบทความที่จะแสดง หรือจำนวนรวมของบทความในหน้าหลัก นอกจากนี้ยังสามารถแสดงลิงก์การส่งบทความผ่านอีเมล ซึ่งทำให้ผู้เข้าชมสามารถส่งบทความจากบล็อกของคุณให้กับเพื่อนทางอีเมลได้

วิธีแก้ไขข้อมูลส่วนตัวของคุณ

การคลิก "แก้ไข" ในส่วนข้อมูลส่วนตัวจะทำให้คุณสามารถแก้ไข/เพิ่มชื่อข้อมูลส่วนตัว คำอธิบาย "เกี่ยวกับฉัน" และสถานที่ได้

วิธีแก้ไขคลังบทความในบล็อกของคุณ
เมื่อคลิก "แก้ไข" ในส่วนคลังบทความบล็อกของคุณจะทำให้คุณสามารถแก้ไข/เพิ่มชื่อคลังบทความ เลือกรูปแบบการแสดงผล (ลำดับชั้น รายการแบบเรียบ หรือเมนูแบบดร็อพดาวน์) เลือกที่จะแสดงชื่อบทความ เลือกแสดงบทความที่เก่าที่สุดก่อน เลือกความถี่ของการเก็บเข้าคลังบทความ (รายเดือน รายสัปดาห์ หรือรายวัน) และเลือกรูปแบบวันที่

วิธีเพิ่มองค์ประกอบของหน้า
คุณสามารถเพิ่มองค์ประกอบของหน้าได้หลายอย่างในหน้าบล็อกหรือแถบด้านข้าง โดยคลิก "เพิ่มองค์ประกอบของหน้า" ซึ่งจะเปิดหน้าต่างแบบป๊อปอัปที่คุณสามารถเพิ่มองค์ประกอบต่อไปนี้ในบล็อกโดยคลิก "เพิ่มไปยังบล็อก" ในส่วนขององค์ประกอบที่ต้องการ



รายการ

คุณสามารถเพิ่มรายการในบล็อกของคุณ พร้อมด้วยความสามารถในการเพิ่มชื่อ เลือกจำนวนรายการที่จะแสดง จัดเรียงรายการตามลำดับตัวอักษร และเพิ่มลิงก์ไปยังองค์ประกอบรายการของคุณ

รายชื่อลิงก์
คุณสามารถเพิ่มรายชื่อลิงก์ไปยังบล็อกของคุณ พร้อมด้วยความสามารถในการเพิ่มชื่อของรายชื่อลิงก์ เลือกจำนวนรายการที่จะแสดง และจัดเรียงรายชื่อลิงก์ตามลำดับตัวอักษร

ป้ายกำกับ
เป็นการเพิ่มรายชื่อของป้ายกำกับที่คุณใช้สำหรับบทความของคุณ เมื่อคลิกที่ป้ายกำกับเหล่านี้จะเป็นการเข้าสู่หน้าที่แสดงบทความทั้งหมดที่ใช้ป้ายกำกับนั้น คุณสามารถเปลี่ยนชื่อของรายการ และเรียงตามลำดับตัวอักษรหรือตามความถี่ของการใช้งาน

รูปภาพ
คุณสามารถเพิ่มรูปภาพจากคอมพิวเตอร์หรือจากเว็บไปยังบล็อกของคุณ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มชื่อเรื่องและคำอธิบายไปยังรูปภาพและย่อขนาดรูปภาพเพื่อให้พอดีกับบล็อก

ข้อความ
คุณสามารถเพิ่มข้อความในบล็อก (เช่น ข้อความต้อนรับหรือเชิงอรรถ) ด้วยเครื่องมือแก้ไขข้อความพร้อมรูปแบบ

HTML/จาวาสคริปต์
คุณสามารถเพิ่มฟังก์ชันการทำงานของบุคคลที่สาม หรือรหัส HTML/จาวาสคริปต์ในบล็อกของคุณ

ฟีด
คุณสามารถเพิ่มเนื้อหาจาก ฟีดของไซต์ ในบล็อกของคุณ โดยป้อน URL ของฟีดและคลิก "ดำเนินการต่อ" จากนั้นคุณจะสามารถเพิ่มชื่อ เลือกจำนวนรายการที่จะแสดง (สูงสุด 5 รายการ) และแสดงวันที่ของรายการและ/หรือผู้เขียน โดยเลือกช่องทำเครื่องหมายที่เหมาะสม

โลโก้
คุณสามารถเพิ่มโลโก้ Blogger สวยๆ ในบล็อกของคุณ

วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552

ทัชมาฮาล

ทัชมาฮาล (อักรา)



นี่เป็นที่สุดท้ายของอินเดีย สถานที่แห่งนี้ไม่มีใครไม่รู้จักสถานที่แห่งความรักและความเศร้าโศก

ตำแหน่งที่ตั้ง ฝั่งขวาแม่น้ำยมนา ประเทศอินเดีย
ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
รายละเอียด ทัชมาฮาล (ภาษาฮินดี : ताजमहल, ตาช มฮัล รากศัพท์เดิมมาจากภาษาอาหรับตาจญ์ (มงกุฎ) และ มะฮัล (สถาน) (ภาษาอาหรับ : تاج محل ) เป็นอนุสรณ์สถาน ตั้งอยู่ในเมืองอัครา ประเทศอินเดีย นับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่
ประวัติ

ทัชมาฮาล สุสานหินอ่อนที่ผู้คนเชื่อว่าเป็นสถาปัตยกรรมแห่งความรักที่สวยที่สุดในโลก ถูกสร้างขึ้นโดยกษัตริย์อินเดียผู้มีรักมั่นคงต่อพระมเหสีของพระองค์ เจ้าชายขุร์รัม ชึ่งต่อมาคือจักรพรรดิชาห์ ชหาน พระราชสมภพในปี พ.ศ. 2135 (ค.ศ. 1592) พระบิดา คือ จักรพรรดิ ชาห์ ชหานชีร์ จักรพรรดิองค์ที่สี่แห่งราชวงศ์โมกุล แห่งอินเดีย ตามตำนานกล่าวว่า เจ้าชายขุร์รัม ได้พบกับ อรชุมันท์ พานุ เพคุม ธิดาของรัฐมนตรี เมื่อพระองค์ มีพระชนมายุ 14 พรรษา พระองค์ทรงหลงใหลและหลงรักนาง เจ้าชายขุร์รัมจึงซื้อเพชรด้วยเงิน 10,000 รูปีและบอกแก่พระบิดาของพระองค์ว่าพระองค์มีความประสงค์ที่จะแต่งงานกับบุตรสาวของรัฐมนตรี พิธีอภิเษกถูกจัดขึ้นหลังจากนั้น 5 ปี ในปี พ.ศ. 2155 (ค.ศ. 1612) จากนั้นมาทั้งสองก็มิเคยอยู่ห่างกันอีกเลย
หลังจากที่พระเจ้าชาห์ ชหาน ขึ้นครองราชบัลลังก์ในปี พ.ศ. 2171 พระองค์มอบความไว้วางใจแก่ อรชุมันท์ พานุ เพคุม และเรียกนางว่า มุมตัซ มาฮาล "อัญมณีแห่งราชวัง" พระมเหสีติดตามพระองค์ แม้แต่ในสนามรบ แนะนำพระองค์ในเรื่องราชการของประเทศ และพระองค์ซาบซึ้งในน้ำพระทัยของพระมเหสียิ่งนัก ครั้นในปี พ.ศ. 2174 (ค.ศ. 1631) พระมเหสีมุมตัซสิ้นพระชนม์ หลังจากให้กำเนิดทายาทองค์ที่ 14 การสิ้นพระชนม์ของพระมเหสีทำให้พระเจ้าชาห์ ชหานโศกเศร้าอยู่ถึงสองทศวรรษ ราชสมบัติส่วนใหญ่สูญเสียไปเพื่อการสร้างอนุสรณ์แห่งความรักของทั้งสองพระองค์
ในปี พ.ศ. 2200 (ค.ศ. 1657) พระเจ้าชาห์ ชหานทรงพระประชวร และในปี พ.ศ. 2201 (ค.ศ. 1658) พระโอรส โอรังเซบ จับพระเจ้าชาห์ ชหานขัง และขึ้นครองราชบัลลังก์แทน พระองค์ถูกกักขังอยู่ถึง 8 ปี จนกระทั่งสวรรคตในปี พ.ศ. 2209 (ค.ศ. 1666) ตามตำนานกล่าวว่าให้วันสุดท้ายของชีวิตพระองค์ใช้เวลาทั้งวันในการจ้องมองเศษกระจกที่สะท้อนภาพของทัชมาฮาล และสิ้นพระชนม์ด้วยเศษกระจกในกำมือ พระเจ้าชาห์ ชหานถูกฝังในทัชมาฮาล เคียงข้างมเหสีซึ่งพระองค์ไม่เคยลืม มีบางคนกล่าวว่าพระเจ้าชาห์ ชหาน มิได้ประสงค์ที่จะถูกฝังร่วมกับประมเหสี แต่พระองค์มีแผนการที่จะสร้างสุสานอีกแห่งด้วยหินอ่อนสีดำ เพื่อเป็นสุสานของพระองค์ แต่ผู้รู้หลายท่านเชื่อว่าพระองค์ประสงค์ที่จะถูกฝังเคียงข้างพระนางมุมตัซ มาฮาล
ขนาด ทัชมาฮาลถูกพิจารณาให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคใหม่ ทัชมาฮาลตั้งอยู่ในสวนริมฝั่งแม่น้ำยมุนา ในเมืองอาครา ส่วนที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ หลุมศพของพระนางมุมตัซ มาฮาล ซึ่งถูกสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ศิลาแลง ประดับลวดลายเครื่องเพชร พลอย หิน โมราและเครื่องประดับจากมิตรประเทศ ได้รับคำรับรองว่าสร้างขึ้นด้วยสัดส่วนที่วิจิตรและงดงามที่สุด กว้างยาวด้านละ 100 เมตร สูง 60 เมตร มีผู้สร้างและออกแบบร่วม 20,000 คน การก่อสร้างกินเวลานานถึง 22 ปี ทัชมาฮาลมีเนื้อที่ประมาณ 42 เอเคอร์ เป็นที่ตั้งของมัสยิด มีหออาซาน (หอสูงสำหรับร้องแจ้งเวลาทำนมาซ) และมีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ นายช่างที่ออกแบบ ชื่อ อุสตาด ไอซา ถูกประหารชีวิตเพื่อมิให้ไปออกแบบสถาปัตยกรรมใด ๆ ที่สวยกว่าได้ ส่วนหัวของทัชมาฮาลมีลักษณะโดมที่เรียกว่าโอเนียนโดม


เหตุผลที่ได้รับคัดเลือกเป็นมรดกโลก ทัชมาฮาลได้ถูกรับเลือกเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2526 โดยมีเหตุผลตามเกณฑ์การพิจารณาคือ
• (i) - เป็นตัวแทนซึ่งแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันฉลาด

ทัชมาฮาล อาคารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก อาคารของความรักไม่มีสิ่งก่อสร้างใด ๆ ในโลกที่จะโรแมนติก และเปี่ยมด้วยเรื่องราวอย่างทัชมาฮาลอีกแล้ว วันที่ 17 มิถุนายน 1631 มงตัส มาฮาล มเหสี ของชาลจาฮาล จักรพรรดิ์แห่งราชวงค์โมกุล (มองโกล)ได้สิ้นพระชนต์ขณะคลอดพระธิดาองค์ที่ 14 ดังนั้นเพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึก ถึงมหาสีที่สิ้นไปแล้ว ชาลจาฮาล จึงได้สร้างสิ่งที่ก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดในปัจจุบันขึ้นมา คือทัชมาฮาล สวยงามเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์บนดินอย่างแท้จริง



พลังทางอารมณ์ของทัชมาฮาล ไม่ได้มาจากเฉพาะรูปทรงที่โดดเด่น และสีขาวของวัสดุก่อสร้เท่านั้นครับ และจากความบริสุทธิ์และเรียบง่ายของรูปร่างอีกด้วย ถ้าจะพูดตามแนวคิดของอิสลามก็คือ ไม่มีรูปภาพของสิ่งมีชีวิตซึ่งคัมภีร์อัลกุรอานได้ห้ามเอาไว้ มีเพียงการตกแต่งแบบนามธรรม และตัวอักษรเท่านั้นครับ ทำให้มีพลังทางด้านอารมณ์มากยิ่งขึ้น ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ของอินเดีย เห็นว่าเป็นเป้าหมายโจมตีที่สำคัญ ที่ผู้ก่อการร้ายน่าจะสนใจ จึงมีข้อห้าม เช่น ห้ามพกกล้องวีดีโอ เข้ามาในตัวทัชมาฮาลเด็ดขาด ทัชมาฮาลทางด้านศิลปะและคุณค่าของมัน ใช้แรงงานคนมาถึง 20,000 คน เป็นเวลา กว่า 20 ปีกว่าจะเสร็จ หินอ่อนสีขาวที่ฝังประดับประดาด้วยหินอัญมณีอันล้ำค่า ถึง 28 อย่าง แต่มันไม่ใช่วังหรือว่าสุเหร่าครับ มันคือสุสานครับ สุสานแห่งความรัก เป็นอนุสาวรีย์แห่งความโศกเศร้า พื้นผิวการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นมาก ภายในของทัชมาฮาลนี้ ราวกับมีชีวิต ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแห่งอนุสาวรีย์แห่งความโศกเศ้าและทุกข์ระทมใจ ความปวดร้าวและความเจ็บปวดของการสูญเสียผู้เป็นที่รักไปจากโลกนี้ และยังปรารถนาไปถึงโลกหน้าอีกด้วย



จุดพลิกผันเรื่องราวชองทัชมาฮาลเกิดขึ้นที่ป้อมแดงซึ่ง อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง เป็นโศกนาฏกรรมบทปิดท้าย ชาลจาฮาล ที่นี่เองทำให้ความลับของทัชมาฮาลกำเนิดขึ้น และเข้าสู่โลกของตำนาน ชาลจาฮาลจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ได้ล้มป่วยลงไป มีอาการหมดสติจึงทำให้ โอรสทั้งสี่พระองค์นั้น คิดที่จะแย่งชิงอำนาจกันอย่างโหดเหี้ยม และชั่วร้ายมาก ๆ เลย ทั้งสี่พระองค์นั้นได้เข้าต่อสู้กัน ก่อสงครามที่ดุเดือดขึ้น และ ออรันเซก ซึ่งมีความสามารถที่สุดในนั้น เขาได้ทำการสังหารพี่น้อง ทั้ง สามคนของตนเอง ในสงครามนั้นและทรยศชาติ ขณะที่มีอำนาจเขาก็กักขัง ชาลจาฮาล พระบิดาไว้ที่นี่ ภายในป้อมนี้ละ ดังนั้นสำหรับชาลจาฮาลแล้ว อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์นั้น ได้หดแคบเหมือนกับสนามหนึ่งเท่านั้นเอง ว่ากันว่า ชาลจาฮาลนี้ ถ้าหากไม่ได้เสียบัลลังค์ไปก่อนละก็ คงจะสร้างสุสานไว้ให้ตนเองแน่ ๆ เลยครับ โดยสร้างไว้ตรงข้ามกับสุสานของมเหสี และใช้หินอ่อนสีดำ เพื่อให้เป็นคู่ของตรงกันข้ามของทัชมาฮาลซึ่ง ใช้หินอ่อนสีขาว เรื่องราวของทัชมาฮาลสีดำเป็นเรื่องที่พูดกันในศตวรรษที่ 18 มันทั้งสะท้อน และตอกย้ำเรื่องราวชวนฝันของอาคาร ซึ่งสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้ความรักนี้ได้เป็นอย่างดี บทกวี คำสวดที่สลักบนทัชมาฮาลนี้ หลายคนในอินเดียถือว่า มันคือเวทมนต์ที่วิเศษมากครับ มีความสมบูรณ์แบบ ซึ่งคงไม่ใช่บนโลกสามัญนี้ แต่เป็นโลกของความฝัน



มีสารคดีชุดหนึ่งซึ่งนานมาแล้วครับ ขอเล่าการพบกันของทั้งสอง ครั้งหนึ่ง จักรพรรดิ ชาจาฮาลได้เสด็จประภาคต้น ได้เดินทางไปตามเมืองเพื่อท่องเที่ยวในอาณาจักรของเขา ส่วนมงตัชมาฮาลเป็นสามัญชน ทั้งคู่ได้บังเอิญมาพบกัน แล้วก็เกิดปิ๊ง กัน ยังกับว่าทั้งสองเกิดมาซึ่งกันและกัน เป็นรักแรกของทั้งคู่ครับ แล้วก็ตกลงแต่งงานกัน แต่เรื่องทัชมาฮาล อีกทฤษฏีหนึ่งว่ากันว่า เป็นการสร้างให้เหมือนสวรรค์ตาม จินตนาการของชาลจาฮาล


ตอนนี้ทั้งสองพระองค์อยู่ร่วมกันแล้วครับ


ทัชมาฮาลเป็นสุสานจริงหรือ ว่ากันว่า มีอีกเรื่องหนึ่งที่ชาลจาฮาลทรงสร้างขึ้นมา เนื่องจากมีอำนาจสูงสุดชาจาฮาลจึงสร้างสถานที่แห่งนี้เพื่อเป็นสวรรค์ของตน เปรียบได้กับยกสวรรค์ลงมาบนโลก หรือเปรียบตนเองเป็นพระเจ้า และนี่เป็นบัลลังก์ ของพระเจ้า ตอนแรกที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อทัชมาฮาล ขณะที่เริ่มสร้าง มหาสีก็สิ้นพระชนต์ ชาจาฮาลจึงโศกเศร้ามากก็ตั้งชื่อเป็นทัชมาฮาลเพื่อรำลึกถึงมหาสีของตนแทน และทัชมาฮาลสีขาว คือตัวแทนของสวรรค์ ส่วนทัชมาฮาลสีดำคือตัวแทนของนรก


http://www.4shared.com/account/file/101966855/ebc31521/_online.html

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552

ราศีธนู

Photobucket


ผู้ที่เกิดตั้งแต่ 16 ธ.ค. - 14 ม.ค.

การงาน ไม่ควรประมาทในการทำงานไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ และควรให้ทุกฝ่ายเข้าร่วม

การเงิน ค่อยๆดีขึ้น จึงทำให้มีโอกาสได้เก็บเงิน

ความรัก จะมีการตกลงปลงใจระหว่างท่านกับคนรักผ่านคนกลางหรือคนที่ท่านไว้ใจ

สุขภาพ ให้ระวังอุบัติเหตุหรือโรคเกี่ยวกับเหงือกและฟัน

ราศีพิจิก

Photobucket


ผู้ที่เกิดตั้งแต่ 16 พ.ย. - 15 ธ.ค.

การงาน พบอุปสรรคและปัญหาเกี่ยวกับงาน เนื่องจากผู้ใหญ่มองต่างมุมกับท่าน ทำให้ข้อเสนอของท่านถูกบอกปัดและงานเดินต่อไปไม่ได้

การเงิน จะได้ลาภก้อนใหญ่จากงานที่เสี่ยง เช่น ธุรกิจกักตุน หรือการขายที่ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ

ความรัก คู่ครองหรือคนรัก จะช่วยให้ท่านได้เงินก้อนใหญ่จากการเสี่ยงโชค หรือการลงทุนในธุรกิจเก็งกำไร

สุขภาพ ให้ระวังอุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วยอย่างกะทันหัน

ราศีตุลย์

Photobucket


ผู้ที่เกิดตั้งแต่ 17 ต.ค. - 15 พ.ย.

การงาน ประสบปัญหาความยุ่งยาก เนื่องจากบริวารทำให้เกิดความเสียหายและต้องเข้าไปแก้ไข

การเงิน จะได้รับเงินก้อนใหญ่มาจากการขายทรัพย์ หรือไม่ก็การเป็นตัวกลางขายบ้านและที่ดิน

ความรัก จะได้ข่าวดีจากคนรักที่ห่างท่านไปนาน แล้วกลับมาดีกันใหม่ สุดท้ายจะลงเอยด้วยการแต่งงาน

สุขภาพ ให้ระวังโรคเกี่ยวกับตับอักเสบหรือไม่ก็นิ่วในถุงน้ำดี

ราศีกันย์

Photobucket


ผู้ที่เกิดตั้งแต่ 17 ก.ย. - 16 ต.ค.

การงาน เพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้อง จะช่วยให้งานของท่านประสบความสำเร็จด้วยดี และมีผลตอบแทนสูง

การเงิน รายจ่ายสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายจ่ายเกี่ยวกับการเลี้ยงดูพี่น้องที่เจ็บป่วย

ความรัก จะมีคนเข้ามาสนิทสนมและเปิดทางให้ท่านได้ใกล้ชิดแบบหวังผลประโยชน์แอบแฝง จึงควรรอบคอบและไม่เห็นแก่ความสุขเล็กน้อย

สุขภาพ ให้ระวังโรคเกี่ยวกับเหงือกและฟัน จะเกิดอาการอักเสบ

ราศีสิงห์

Photobucket


ผู้ที่เกิดตั้งแต่ 17 ส.ค. - 16 ก.ย.

การงาน จะได้ข่าวไม่ค่อยดีเกี่ยวกับหน้าที่การงาน เช่น ข่าวถูกย้ายไปในที่ไม่ดี เป็นต้น จึงควรหนักแน่นและแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด

การเงิน จะได้ลาภก้อนใหญ่จากงานพิเศษหรือการเสี่ยงโชค เป็นต้น

ความรัก หญิงสูงศักดิ์จะทำให้ท่านเดือดร้อน ควรหลีกเลี่ยงการคบคนรวยทรัพย์ แต่ไร้น้ำใจ

สุขภาพ ให้ระวังโรคความดันโลหิตสูงและเป็นเหตุให้เกิดโรคแทรกตามมา

ราศีกรกฏ

Photobucket


ผู้ที่เกิดตั้งแต่ 16 ก.ค. - 16 ส.ค.

การงาน จะมีการเดินทางไกล และได้ประโยชน์จากในด้านการงาน เป็นต้นว่า ได้งานใหม่ทำหรือได้งานเพิ่ม และทำให้มีรายได้เพิ่ม

การเงิน มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นมาไม่คาดฝัน และเป็นรายจ่ายที่เกี่ยวกับการต้องรักษาอาการป่วยของตัวเองหรือคนในครอบครัว

ความรัก จะได้ลาภก้อนใหญ่จากคู่ครองหรือคนรักจากการลงทุนร่วมกัน หรือจากการเสี่ยงโชคร่วมกัน

สุขภาพ ให้ระวังโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดีหรือนิ่วในไต

ราศีเมถุน

Photobucket


ผู้ที่เกิดตั้งแต่ 15 มิ.ย. - 15 ก.ค.

การงาน งานที่มองเห็นว่าจะประสบความสำเร็จ และให้ผลตอบแทนดี กลับพบปัญหาเกิดการสะดุด และพบกับภาวะขาดทุน จึงควรรีบแก้ไข ด้วยการยอมเสียเงิน เพื่อรักษาภาพพจน์

การเงิน มีข่าวที่เกี่ยวกับการเงินที่ขอกู้ยืมไว้ จะได้รับการยอมรับตกลงด้วยดี

ความรัก ไม่สดใส เนื่องจากพฤติกรรมเก่าๆของท่านเป็นเหตุให้คนรักไม่ไว้ใจ

สุขภาพ ให้ระวังโรคเกี่ยวกับกระดูกหรือเอ็นอักเสบ เนื่องจากหกล้มหรือยกของหนัก

ราศีพฤษภ

Photobucket


ผู้ที่เกิดตั้งแต่ 15 พ.ค. - 14 มิ.ย.

การงาน ท่านที่ทำธุรกิจส่วนตัวหรือทำงานส่วนตัวเกี่ยวกับการขาย จะมีข่าวดีเป็นพิเศษ

การเงิน ท่านกำลังปัญหาเรื่องเงิน จนทำให้ต้องป่วยจากสิ่งที่ท่านกำลังคิดและวางแผนลงมือทำ

ความรัก เพื่อนฝูงหรือคนใกล้ชิด จะทำให้ท่านขัดแย้งกับคนรัก

สุขภาพ ให้ระวังโรคเกี่ยวกับระบบประสาท ไม่ควรทำงานหนักและเครียด

ราศีเมษ

Photobucket


ผู้ที่เกิดตั้งแต่ 13 เม.ย. - 14 พ.ค.

การงาน มีอุปสรรค เนื่องจากความขัดแย้งกับหุ้นส่วนในเรื่องงาน

การเงิน พบปัญหาเงินสดขาดมือ และทำให้ต้องวิ่งหมุนเงิน

ความรัก จะเกิดความขัดแย้งกับคนรัก เนื่องจากปัญหาเรื่องเงินขาดมือและจำเป็นต้องใช้เงินเป็นเหตุ

สุขภาพ ให้ระวังอุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วยกะทันหัน ไม่จำเป็นไม่ควรเดินทางไกล

ราศีมีน

Photobucket


ผู้ที่เกิดตั้งแต่ 16 มี.ค. - 12 เม.ย.

การงาน จะมีการเดินทางไหลไปพบผู้ใหญ่หรือหุ้นส่วนในต่างแดน และพบแล้วได้ประโยชน์กลับมา

การเงิน ท่านที่ทำงานเกี่ยวกับการให้บริการความรู้ เช่น ที่ปรึกษาหรือทนายความ เป็นต้น จะได้เงินก้อนใหญ่จากงานประเภทนี้

ความรัก คนรักที่จากไปนานจะเดินทางมาหา หรือไม่หากท่านเดินทางไกลจะพบกับคนถูกใจระหว่างเดินทาง แล้วมีโอกาสพัฒนาเป็นคนรักในโอกาสต่อไป

สุขภาพ ให้ระวังอุบัติเหตุจากการเดินทางไกล โดยเฉพาะทางน้ำ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยง

ราศีกุมภ์

Photobucket


ผู้ที่เกิดตั้งแต่ 13 ก.พ. - 15 มี.ค.

การงาน หากมีการเดินทางในเรื่องธุรกิจการค้า ช่วงนี้มีโอกาสได้รับผลประโยชน์คุ้มค่า

การเงิน จะได้ลาภก้อนใหญ่เป็นเงินจากธุรกิจเสี่ยงภัย เช่น กักตุนหรือบ่อนการพนัน เป็นต้น

ความรัก ไม่สดใส ให้ระวังจะเกิดปัญหาขัดแย้งกับญาติของคนรัก และลามปามไปถึงเรื่องความรัก

สุขภาพ ให้ระวังอาหารการกิน จะทำให้โรคเก่ากำเริบ

ราศีมังกร

Photobucket


ผู้ที่เกิดตั้งแต่ 15 ม.ค. - 12 ก.พ.

การงาน จะได้งานใหม่หรืองานเก่าที่เพิ่มขึ้น โดยมีผลตอบแทนเพิ่มขึ้นด้วย จึงไม่ควรปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป ด้วยการวางเฉย แต่ควรรีบคว้า และเปลี่ยนมาเป็นผลประโยชน์

การเงิน จะมีการเสียเงินก้อนใหญ่เกี่ยวกับคดีความหรือการเจ็บป่วย ให้ระวังอย่ารับปากใคร เพื่อกระทำในสิ่งที่เสี่ยงต่อกฎหมาย

ความรัก คนรักเห็นแก่เงินและชอบต่อรองผลประโยชน์ จนทำให้ท่านเบื่อหน่าย

สุขภาพ ให้ระวังอาการเจ็บป่วยเกี่ยวกับไตหรือตับอ่อนเกิดอาการอักเสบ

เกมลับสมอง จากไอสไตน์

เกมลับสมอง จากไอสไตน์

Photobucket


มีบ้านอยู่ 5 หลัง ทุกสีทาสีต่างกัน ในบ้านแต่ละหลังจะมีคน 1 ชนชาติอาศัยอยู่ คน 5 เชื้อชาตินี้จะดื่มน้ำแตกต่างกัน สูบบุหรี่ต่างยี่ห้อกัน และเลี้ยงสัตว์ต่างกัน

- คนที่เป็นชาวอังกฤษอยู่บ้านสีแดง
- คนที่เป็นชาวสวีเดนเลี้ยงหมา
- คนที่เป็นชาวเดนมาร์กดื่มชา
- บ้านสีเขียวอยู่ทางซ้ายบ้านสีขาว
- เจ้าของบ้านสีเขียวดื่มกาแฟ
- คนสูบบุหรี่ยี่ห้อ Pall Mull เป็นคนเลี้ยงนก
- เจ้าของบ้านสีเหลืองสูบบุหรี่ยี่ห้อ Pun Hill
- คนที่อยู่บ้านหลังกลางดื่มนม
- คนที่เป็นชาวนอร์เวย์อยู่บ้านหลังแรก
- คนที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ Blends อยู่บ้านติดกับคนเลี้ยงแมว
- คนที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ Blue Master ดื่มเบียร์
- คนที่เลี้ยงม้าบ้านอยู่ติดกับคนที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ Pun Hill
- คนที่เป็นชาวเยอรมันสูบบุหรี่ยี่ห้อ Prince
- คนที่เป็นชาวนอเวย์อยู่ติดกับบ้านสีฟ้า
- คนที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ Blends เป็นเพื่อนบ้านกับคนที่ดื่มนม

ใครเป็นคนเลี้ยงปลา?

ไอสไตน์บอกว่าในโลกนี้มี 98% ที่หาคำตอบไม่ได้ มีเพียง 2% ที่หาคำตอบได้
ถ้าคุณหาคำตอบไม่ได้ไม่ต้องตกใจเพราะคุณคือ 98% นั่นเอง

วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2552

เกมลับสมอง

เกมลับสมอง

มีครอบครัวหนึ่ง (มีพ่อ,แม่, ลูกชาย 2, ลูกสาว 2) ตำรวจ และฆาตรกร
ทั้งหมดจะต้องข้ามแม่น้ำไปให้ได้ แต่มีกฏว่า...
- แต่ละเที่ยวจะต้องมี พ่อแม่ หรือ ตำรวจอย่างน้อย 1 คน ข้ามไปด้วย
- ไม่สามารถปล่อยแม่อยู่กับลูกชายโดยไม่มีพ่ออยู่ด้วย
- และพ่อก็ไม่สามารถอยู่กับลูกสาวได้โดยไม่มีแม่อยู่ด้วย
- ปล่อยฆาตรกรก็อยู่กับใครไม่ได้เลย ถ้าไม่มีตำรวจอยู่ด้วย
เวลาข้ามคลิกตรงลูกกลมๆสีแดง และเวลาข้ามกลับไปกลับมาต้องมีผู้ใหญ่อย่างน้อย 1
คนพาย (จะมาคนเดียวก็ได้ มันเป็นเกมระดับปราบเซียนของจีน
เขาว่ากันว่าที่ประเทศนั้นเขาใช้กันเพื่อวัดไอคิวระดับสูงสำหรับ
พนักงานระดับหัวหน้า อันนี้ทำเป็นการ์ตูนให้ดูง่ายและน่าเล่น
ใครคิดว่าเจ๋งก็ลองดู

http://freeweb.siol.net/danej/riverIQGame.swf

ราศีธนู

ราศีธนู

ความรัก ราศีธนู
ชาวราศีธนูเป็นนักแสวงหาความรู้และชอบที่จะทำความเข้าใจกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวตลอดเวลา และชาวธนูเป็นคนที่มีความคิดและประสพการณ์มาก เป็นคนจริงใจ ไว้ใจได้ชาวราศีธนูถ้าคบใครก็จะคบอย่างลึกซึ้ง ใช้เวลาในการศึกษานิสัยใจคออยู่นานจนกว่าเขาจะไว้เนื้อเชื่อใจ นอกจากนี้ชาวธนูยังเป็นผู้ที่มีอัธยาศัยดี เป็นคนที่ชอบพบปะผู้คน ชอบความอิสระเสรี ชอบความท้าทาย นั่นแหละ…ชาวราศีธนูล่ะ

ความโรแมนติกแบบราศีธนู
ในเรื่องของความรัก ความโรแมนติกของชาวธนูนั้นจะเป็นไปแบบตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม เป็นไปตามธรรมชาติและขึ้นอยู่กับโอกาสความเหมาะสมของมัน ชาวธนูเป็นคนที่รักอิสระเสรี เขาจะไม่พะเน้าพะนอคนรักของเขาตลอดทั้งวัน แต่จะปล่อยให้เป็นอิสระ ใช้ชีวิตเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งก็ดูเป็นเรื่องที่ดีแต่บางครั้งก็อาจดูเหมือนเหินห่างกันเกินไป และเป็นสาเหตุของการนอกใจได้ในที่สุด เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ชาวราศีธนูมักจะกลายเป็นแค่เพื่อนสนิทที่ดีที่สุดแทนที่จะเป็นอะไรได้มากกว่านั้น

ความรักของราศีธนู
ชาวราศีธนูเป็นคนโอบอ้อมอารีและมีน้ำใจต่อเพื่อนและคนรอบข้าง ชาวธนูเป็นคนที่ไม่ชอบทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนและไม่ชอบรบกวนผู้อื่น ตรงกันข้ามเขามักจะชอบช่วยเหลือคนอื่นมากกว่า ชาวธนูเป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง เป็นคนที่น่าคบ ถ้าคุณอยากให้เขาดีกับคุณเช่นใด ก็จงทำดีกับเขาเช่นนั้น

ความสัมพันธ์แบบชาวราศีธนู
แม้ความรักจะเป็นสิ่งที่ดีและสวยหรูสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับชาวธนูแล้ว ความรักเป็นสิ่งที่ต้องคอยระวังให้ดี ความรักคือสิ่งที่ลึกลับและยากจะเข้าใจ เพราะชาวธนูไม่ใช่คนที่หวานแหววอะไรมากมายกับเรื่องความรัก เขามองว่าความรักก็เป็นเพียงเรื่องของอารมณ์ที่สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องบนเตียง ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยกล้าคบหากับใครบ่อยนัก เพราะเขาเบื่อและไม่ค่อยชอบการเกี้ยวพาราสีมากนัก ความรักของชาวธนูจึงควรจะเริ่มต้นด้วยมิตรภาพระหว่างเพื่อนก่อน แล้วจึงค่อยๆเรียนรู้ทำความเข้าใจกันไปเรื่อยๆอันเป็นพื้นฐานของความรักที่ดีต่อไป

SEX กับราศีธนู
ชาวธนูเป็นคนธาตุไฟ มีความเร่าร้อนอยู่ในตัว ถ้าไม่พูดถึงเรื่องความรักที่ลึกซึ้งแล้ว ชาวธนูก็เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง Sex อยู่มากพอดู เขาไม่อายในเรื่องนี้ถ้าไม่จริงจังและมีเงื่อนไขกับมันมากนัก เขาพร้อมเสมอ ชาวธนูชอบการพบปะสังสรรค์กับผู้คน เขาเป็นคนที่บริหารเสน่ห์ได้ดี และสำหรับคนรักของเขาจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่อง Sex ด้วยเพื่อที่ว่าทั้งเขาและคุณจะไปด้วยกันได้ดี แล้วอะไรหล่ะที่ชาวราศีธนูต้องการ ชาวธนูต้องการเพื่อนที่รู้ใจที่พร้อมจะไปกับเขาได้ทุกสถานการณ์ และไม่ทำให้เขาหนักใจหรือมีเรื่องเดือดร้อนถึงตัวเขา สำหรับคนรักของชาวธนูจะต้องเข้าใจและยอมรับในนิสัยที่รักอิสระเสรีของเขา ต้องไม่เป็นคนคิดมากหรืออ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ เขาชอบคนที่ซื่อสัตย์ เปิดเผย หากคุณเป็นอย่างที่เขาต้องการหรือมีนิสัยที่คล้ายกัน คุณก็จะเป็นทั้งเพื่อนและคนรักของเขาด้วยในเวลาเดียวกัน

ราศีพิจิก

ราศีพิจิก

ความรัก ราศีพิจิก
ชาวราศีพิจิกเป็นคนที่ได้ชื่อว่า สามารถเป็นได้ทั้งคนแสนดีและแย่มากๆ ภายในคนๆเดียวกัน ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขา ชาวพิจิกเป็นคนใจอ่อน และเมื่ออยากได้อะไรแล้วจะต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันมา ชาวพิจิกเป็นคนที่มีความสามารถและมีความมั่นใจในตนเองสูง ซึ่งบางครั้งเมื่อรวมกับอารมณ์ที่ปรวนแปรและเอาแต่ใจก็จะทำให้ชาวพิจิกเป็นคนน่ากลัวอยู่เหมือนกัน

ความโรแมนติกแบบราศีพิจิก
ชาวราศีพิจิกเป็นผู้ซึ่งเปี่ยมด้วยเสน่ห์อันเย้ายวนใจให้เข้ามาหา เพราะดูจากภายนอกชาวพิจิกจะเป็นคนที่เซ็กซี่และน่าสนใจมาก แต่จริงๆแล้วชาวพิจิกจะดูไม่สวยหรูเหมือนรูปกายภายนอกไปเสียหมด เพราะชาวพิจิกจะพอใจกับคนที่สามารถจะดูแลและให้เขาได้มากเท่านั้น และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าทะเลาะกันหรือไม่ยอมกันขึ้นมา ชาวพิจิกจะไม่เป็นฝ่ายยอมแน่นอน เพราะชาวพิจิกเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก และมักจะใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหาบ่อยๆ ถ้าคุณคบกับชาวพิจิกก็สามารถยุติปัญหาได้โดยการยอมเค้า นั่นแหละจะทำให้ความสัมพันธ์ของคุณยืนยาวและยาวนานได้

ความรักของราศีพิจิก
ในการคบหากับชาวพิจิก ชาวพิจิกจะไม่ชอบการถูกควบคุม การที่จะต้องคอยรายงานตัวว่าทำอะไรอยู่ และในทางกลับกันเขาก็ไม่ชอบที่จะทำแบบนี้กับคนที่เขาคบเช่นกัน เพราะชาวพิจิกเป็นคนที่ไม่ค่อยอยู่กับที่ จะไปโน่นมานี่ตลอดเวลา สำหรับคนรัก ความสัมพันธ์ของชาวพิจิกจะเป็นแบบตรงไปตรงมา เขาต้องการทั้งความรักจากคนรัก เท่าๆ กับเงินทองหรือข้าวของต่างๆ ชาวพิจิกจะชอบการถูกดูแลเอาใจใส่และตามใจ แต่เขาก็เป็นคนที่เอาใจคนเก่งเหมือนกัน เขาเป็นเรียบง่าย เขาจะรู้วิธีที่ทำให้สัมพันธ์รักของเขามั่นคงและมีความสุขเสมอ

ความสัมพันธ์แบบชาวราศีพิจิก
ชาวพิจิกเป็นนักรักที่ฉลาดในการวางตัว การคบหา ตลอดจนกลเม็ดต่างๆ ที่จะทำให้เขาเป็นคนที่มีค่าของคนรักได้เป็นอย่างดี ชาวพิจิกเป็นคนที่เซ็กซี่ มีคนหลงเสน่ห์มากมาย เป็นที่หมายตาของผู้คน และสำหรับคนรักของชาวราศีพิจิก จะต้องเป็นคนที่พร้อมจะให้ได้ทั้งการดูแลเอาใจใส่และสิ่งของต่างๆ ที่เขาอยากได้ ชาวพิจิกลองรักใครแล้วจะรักจนหมดใจ ต่อเมื่อได้ผ่านช่วงเวลาแห่งการลองคบ พิสูจน์ใจกันมาแล้วสักระยะหนึ่ง จนเขาแน่ใจแล้วว่าคุณเป็นคนที่ถูกใจใช่เลยสำหรับเขาแล้วจริงๆ เมื่อเวลานั้นมาถึง คุณจะได้อิ่มเอมใจกับความรักที่เขาให้มาอย่างแน่นอน

SEX กับราศีพิจิก
ชาวพิจิกถือเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง Sex มากทีเดียว เพราะชาวพิจิกจะเป็นคนที่เร่าร้อน มีอารมณ์ทางเพศสูง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วชาวพิจิกมักจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นเรื่องนี้ก่อนเสมอ ชาวพิจิกถึงแม้จะดูเป็นคนมีเสน่ห์และเจ้าชู้ แต่ภายในใจของเขา เป็นคนที่รักใครรักจริง เทิดทูนและให้เกียรติคนรักของเขา แล้วอะไรหล่ะที่ชาวราศีพิจิกต้องการ ชาวพิจิกไม่พิสมัยความท้าทายหรืออุปสรรคอะไรที่ดูจะเสี่ยงและไม่แน่นอนว่าจะดีหรือไม่ เขาจะชอบอะไรที่ดูแน่นอนและความสมบูรณ์แบบมากกว่า ชาวพิจิกต้องการและแสวงหาคนรู้ใจที่มีความหนักแน่น และเข้าใจในตัวเขาได้ดีทุกเรื่องและพร้อมจะอยู่เคียงข้างเขาเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ นอกจากนี้ชาวพิจิกต้องการคนรักที่มีความอบอุ่น อ่อนโยนและมีความโรแมนติก ซ

ราศีตุลย์

ราศีตุลย์

ความรัก ราศีตุลย์
ชาวราศีตุลย์เป็นคนที่รักสันติ รักความสามัคคี และเป็นคนใจกว้าง ยอมรับฟังทุกสิ่งทุกอย่างในหลายมุมมอง ชาวตุลย์เป็นคนที่รักสนุกชอบความรื่นเริง และเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี เป็นที่อยากรู้จักของคนทั่วไป เพราะชาวตุลย์จะชอบให้ตนเองเป็นที่รักของผู้อื่น เป็นคนที่มีเสน่ห์ แต่เขาจะเป็นคนฉลาดในการเลือกคบคน และเขาจะไม่ค่อยเสียเปรียบในการคบใคร แต่ก็เป็นคนที่มีน้ำใจกับเพื่อนๆ หรือคนที่คบอยู่ด้วย

ความโรแมนติกแบบราศีตุลย์
การมีความรักไม่ใช่เกมส์หรือสิ่งที่นากลัว เป็นคติหรือความรู้สึกที่ชาวตุลย์มีต่อเรื่องนี้ เพราะสำหรับเรื่องความรัก เขาจะใช้ความเข้าใจ การพูดคุยกันเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างคนรักเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ชาวตุลย์เป็นนักเจรจาที่ดี และไม่ใช้อารมณ์ในการพูดคุย มองความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่จะไม่ทุ่มเทจนหมดใจให้ใครง่ายๆ การดูแลเอาใจใส่เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา ไม่ใช่เรื่องสำคัญมาก ชาวราศีตุลย์จัดได้ว่าเป็นคนที่ไม่โรแมนติก แต่จะมีบ้างเป็นบางโอกาสที่สำคัญๆ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

ความรักของราศีตุลย์
ชาวราศีตุลย์เป็นคนที่ไม่ชอบยึดติดกับใครมากนัก และถ้าเลือกได้เขามักจะเป็นฝ่ายรับมากกว่าให้ เพราะเขาจะต้องแน่ใจเสียก่อนว่า ถ้าเกิดเขาจะให้อะไรแก่ใคร สิ่งนั้นจะต้องไม่สูญเปล่า คนที่จะมาคบกับเขาได้นั้นจะต้องเป็นคนที่พร้อมจะเป็นฝ่ายให้ได้เสมอ และเขาก็จะปฏิบัติตอบกลับอย่างดี ความสัมพันธ์ของเขาจะเป็นแบบยุติธรรม คือทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น จะไม่มีการให้มากกว่าที่จะได้รับ ยกเว้นเมื่อเขาตกหลุมรักใครเข้าอย่างจัง

ความสัมพันธ์แบบชาวราศีตุลย์
สำหรับใครที่ชอบคนรักในแบบที่ดูดี และสง่า เขาคือแบบที่คุณต้องการ เพราะชาวตุลย์จะมองความรักเป็นสิ่งสวยงาม ดังนั้นเขาจึงจะต้องดูดีเสมอ เพื่อความรักดีๆจะได้เข้ามาหา ชาวตุลย์เป็นคนที่มีรสนิยมดี หากใครที่คบกับเขาจะได้อยู่กับบรรยากาศแห่งความรักที่สวยงาม และหากคนรักของชาวตุลย์เป็นคนที่ให้ความช่วยเหลือและดูแลเอาใจใส่เขาดีเสมอ คนคนนั้นจะเป็นที่โปรดปรานของเขาและจะเป็นคนที่เขาคบได้นานๆ

SEX กับราศีตุลย์
เรื่อง Sex เป็นเพียงแค่อารมณ์หนึ่งชาวตุลย์ หากเขาถูกใจใครเป็นพิเศษ คนคนนั้นก็จะสามารถมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับชาวตุลย์ได้ไม่ยากนัก ชาวตุลย์เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย และหากใครที่กล้าพอที่จะเข้ามาคบกับเขา เขาก็พร้อมจะพิจารณาเสมอ และยิ่งถ้าเป็นคนที่พร้อมจะให้ทุกอย่างกับเขาได้ ชาวตุลย์ก็พร้อมที่จะลองคบและมีความสัมพันธ์กันแบบลึกซึ้งได้ แต่ระวังเพราะคุณอาจจะเป็นของเล่นของเขาได้ และเมื่อเขาเบื่อหรือเจอคนใหม่ที่น่าสนใจกว่า เขาก็อาจจะโยนของเก่าอย่างคุณทิ้งก็ได้ แล้วอะไรหล่ะที่ชาวราศีตุลย์ต้องการ ชาวราศีตุลย์ต้องการคนที่พร้อมจะหยิบยื่นสิ่งต่างๆ ให้แก่เขา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือการกระทำและคนคนนั้นต้องเป็นคนที่มั่นคงและไว้ใจได้ แต่ชาวราศีตุลย์กลับไม่ต้องการให้ใครมาผูกมัด หรือตั้งกฏเกณฑ์กับเขามากๆ และอีกอย่างที่เขาต้องการคือ คนที่สามารถพูดคุยและเป็นที่ปรึกษากับเขาได้ หากใครทำอย่างนี้ได้ ชาวตุลย์ก็พร้อมที่จะญาติดีด้วย และมอบความรู้สึกดีๆให้ รวมๆแล้วดูเหมือนชาวตุลย์เอาแต่จะได้ แต่แท้จริงแล้วเขาแค่เป็นคนที่คิดพิจารณามาก เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเองเท่านั้นเอง ถ้าคบไปแล้วชาวตุลย์ก็ถือว่าเป็นคนที่ใช้ได้ น่าคบหาคนหนึ่งทีเดียว

ราศีกันย์

ราศีกันย์

ความรัก ราศีกันย์
ชาวราศีกันย์เป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีน้ำใจ ช่วยเหลือเพื่อนๆ และคนรักในทุกๆเรื่องที่เขาจะช่วยได้ เขาเป็นคนที่มีความขยัน มุมานะ และมักจะทำอะไรที่ดีๆและเป็นประโยชน์มาให้เพื่อนๆและคนรอบข้างเสมอ ชาวกันย์เป็นคนใจเย็น และมีความอ่อนโยน แต่บางครั้งก็ดูจะเป็นคนขี้อายไปบ้าง ดังนั้นหากได้คบหากับคนที่ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความกล้าแสดงออกของเขาให้มากยิ่งขึ้นกว่านี้ก็จะทำให้ชาวกันย์เป็นคนที่มีเสน่ห์และน่าคบหามากทีเดียว ด้วยจิตใจที่ดีงาม ชอบดูแลช่วยเหลือผู้อื่น ชาวกันย์จึงน่าจะไปได้ดีกับการเป็นหมอหรือพยาบาล

ความโรแมนติกแบบราศีกันย์
ชาวกันย์เป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่ตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับประทาน การออกกำลังกายและการพักผ่อน ทำให้เขาเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ จนหลายคนมักจะแอบอิจฉาในบุคลิกที่ดูดีของเขา ชาวกันย์เป็นคนละเอียดรอบคอบ ใส่ใจในทุกๆเรื่องรอบตัว ตั้งแต่หัวจรดเท้า ดังนั้นหากใครเป็นเพื่อนหรือคนสนิท หรือคู่รักกับเขาแล้ว คุณก็จะได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีจากเขาด้วย ชาวกันย์เป็นคนที่อบอุ่นมากและถือว่าเป็นคนที่น่าคบหาที่สุดคนหนึ่งเลยล่ะ

ความรักของราศีกันย์
ชาวราศีกันย์เป็นคนธาตุดิน ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายสบายๆ ไม่รีบร้อน เป็นคนที่มีความละเอียดลออ รอบคอบเป็นที่พึ่งและที่ปรึกษาที่ดี จึงมักจะให้ความช่วยเหลือคนอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะที่ทำงาน เพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง ทำให้เป็นที่รู้จักและที่รักของหลายคน ส่วนความสัมพันธ์กับคนรักนั้น ชาวกันย์ก็จะดูแลเอาใจใส่ และมีอะไรกุ๊กกิ๊กอยู่เสมอ ทำให้ความรักของชาวราศีกันย์ดูน่ารักเหมือนคนเพิ่งรักกันใหม่ๆตลอดเวลา แต่บางครั้งอาจจะดูเหมือนเย็นชาไปบ้าง แต่จริงๆแล้วเขาแอบคอยสังเกตคอยดูคุณอยู่ห่างๆ แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ดังนั้นคนที่คบกับชาวกันย์ควรซื่อสัตย์และให้เกียรติเขาให้มาก เพราะคุณมีคนรักที่วิเศษมากๆ อยู่แล้วทั้งคน

ความสัมพันธ์แบบชาวราศีกันย์
ชาวราศีกันย์เป็นคนที่เก็บอาการเก่ง ไม่ค่อยแสดงออกถึงความรู้สึกมากมายนัก ถ้าเขายังไม่แน่ใจ เขาอาจจะดูเป็นคนนิ่งๆ ดูเย็นชา แต่ที่จริงแล้วชาวกันย์ก็เป็นคนที่โรแมนติกมากคนหนึ่ง กับคู่รักเขาเป็นคนที่เอาใจเก่งและรู้ใจคนรักของเขาเสมอว่าทำแบบไหนถึงจะถูกใจ ชาวกันย์เป็นคนที่มั่นคงในรัก เขาจะทุ่มเทให้กับความรักและไม่จับปลาสองมือ ใครที่อยากจะพิชิตใจของชาวกันย์มาครองให้ได้ จะต้องอาศัยเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์จิตใจที่มั่นคง และค่อยๆเรียนรู้กันไป จึงจะสามารถพิชิตใจของชาวกันย์มาครองได้

SEX กับราศีกันย์
Sex เป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับชาวกันย์ ชาวกันย์จะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดทุกขั้นตอนเพื่อให้เซ็กส์เป็นสิ่งที่สวยงาม เป็นที่ประทับใจของตัวเองและคนรักมากที่สุด แต่ชาวราศีกันย์ ไม่ใช่คนที่มีอารมณ์หรือความรู้สึกในเรื่องนี้บ่อยนัก หรือบางครั้งก็อาจจะรู้สึกอาย ดังนั้น ชาวกันย์จึงต้องการการกระตุ้นความรู้สึกให้เกิดขึ้น และหลังจากนั้นชาวกันย์ก็จะสานต่อได้อย่างดี ชาวราศีกันย์เป็นคนไม่เจ้าชู้และมั่นใจได้ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลหูไกลตา แล้วอะไรหล่ะที่ชาวราศีกันย์ต้องการ ด้วยความที่ชาวกันย์เป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่สุขภาพร่างกายตัวเองอยู่เสมอ ดังนั้นจึงต้องการคนที่จะมาเป็นเพื่อนในการออกกำลังกาย ดูแลเรื่องสุขภาพ อาหารและของใช้อื่นๆร่วมกัน ชาวกันย์ต้องการคนรักที่มั่นคง เชื่อใจได้ และให้เวลาในการเป็นส่วนตัวบ้าง และคนคนนั้นต้องเป็นคนใจเย็น อารมณ์ดี และสามารถปรึกษาพูดคุยกันได้เสมอ

ราศีสิงห์

ราศีสิงห์

ความรัก ราศีสิงห์
ชาวราศีสิงห์เป็นคนที่มีความสร้างสรรค์และโรแมนติก เขาเป็นคนที่แสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ ได้ดี กล้าแสดงออก ชอบความสนุกสนาน และชอบพบปะผู้คน เขามีความสามารถในการดึงดูดผู้คนให้หันมาสนใจในตัวเขาได้ เพราะเขามีความโดดเด่นและเป็นผู้นำ สำหรับเรื่องความรัก เขาก็เป็นคนรักที่ดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าราศีอื่น เต็มไปด้วยความอบอุ่นและการเทคแคร์ดูแลเอาใจใส่ดีอย่างสม่ำเสมอ เพราะธรรมชาติของสิงห์คือ ผู้นำ ที่มีความรับผิดชอบ ดูแลทุกๆคนอย่างดีและเป็นที่รักของคนรอบข้าง

ความโรแมนติกแบบราศีสิงห์
ชาวราศีสิงห์จะเป็นคนที่ตัดสินใจเร็ว คิดปุ๊บก็ลงมือปั๊บอย่างไม่ลังเล เพราะเขามั่นใจว่าเขาพร้อมและดีกว่าคนอื่น ความรักของเขาคือการซื่อสัตย์ เต็มไปด้วยความชื่นชม ให้เกียรติและการดูแลเอาใจใส่ แต่ชาวสิงห์อาจจะดูเป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเองสูงไปบ้าง กล้าแสดงออก และร่าเริงแจ่มใส คนส่วนใหญ่มักจะมองว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้ไม่ค่อยน่าไว้วางใจสักเท่าไหร่

ความรักของราศีสิงห์
ชาวราศีสิงห์เป็นคนกล้าหาญ กล้าทำ กล้ารับ แต่ก็ไม่ใช่คนเสียสละมากนัก เขาจะทำทุกอย่างตามความต้องการและความรู้สึกของตัวเอง และทุกคนก็จะต้องทำตามสิ่งที่เขาคิดด้วย แต่ในทางกลับกัน เขาจะไม่ทำตามคำขอของใครทั้งนั้น ความสัมพันธ์กับคนรักของเขาจะเป็นแบบที่ต้องเชื่อฟังและทำตามความคิดของเขา มากกว่าจะมานั่งปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ดังนั้น คู่รักของชาวสิงห์ควรที่จะเข้าใจและยอมตามใจเขาให้ได้ ถ้าไม่อยากจะขัดใจจนทะเลาะเบาะแว้งกัน จนอาจถึงขั้นเลิกรากันไปเลยก็เป็นได้

ความสัมพันธ์แบบชาวราศีสิงห์
ด้วยความมั่นใจในตนเอง และกล้าแสดงออกทำให้ชาวสิงห์เป็นผู้ที่มั่นใจและไม่กลัวในเรื่องความรัก เขาชอบที่จะเป็นฝ่ายเดินเข้าหาความรักมากกว่าจะรอให้ความรักมาหา แต่ถึงแม้เขาจะเดินหาความรักเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าชาวสิงห์จะไม่พิถีพิถันในการเลือกคนรัก เขาใช้การพิจารณาและความรู้สึกในการเลือกคนรักนานพอดู เขาจะค่อยๆดูเพื่อให้แน่ใจว่า ใช่คนนี้แหละ ที่จะเข้ากับเขาได้ดีที่สุด

SEX กับราศีสิงห์
ราศีสิงห์นั้นตรงกับธาตุไฟ จึงมีอารมณ์ความรู้สึกที่ร้อนแรง และมีพละกำลังเหลือเฟือ เขาจึงจะแสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึกต่อคนรักเสมอๆ แต่การถ่ายทอดความรู้สึกหรืออารมณ์ต่างๆ ของชาวสิงห์นั้น จะเป็นแบบสวยงาม ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่จะเร่าร้อนมากมายเหมือนความรักของหนุ่มสาวทั่วไป เพราะชาวสิงห์จะมีมาด มีฟอร์มของความเป็นผู้นำอยู่ ดังนั้นเวลาจะทำอะไรจึงมีมาดนี้อยู่ด้วย เห็นอย่างนี้ก็เหอะชาวสิงห์เป็นคนที่มั่นคงในรัก ไม่เชื่ออะไรง่ายๆและจริงใจต่อคุณเสมอ แล้วอะไรหล่ะที่ชาวราศีสิงห์ต้องการ สิ่งที่ชาวสิงห์ต้องการก็คือ การได้รับการยอมรับนับถือ คำชื่นชม ซึ่งจะทำให้เขามั่นใจในตัวเองมากและเขาก็จะทำทุกอย่างเพื่อคนที่เขารักอย่างดีด้วยความเต็มใจ ชาวสิงห์ต้องการทำทุกอย่างเพื่อให้ผลออกมาดีที่สุด ดังนั้นคนรอบตัวของเขาจะต้องเข้าใจในความมุ่งมั่นของเขาและจงอย่ากวนใจเขาในยามที่เขากำลังตั้งใจที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ และสำหรับคนรักของชาวสิงห์ จงจำไว้ว่าเขาจะต้องเป็นที่หนึ่งในใจคุณเสมอ และอย่านอกใจหรือทรยศเป็นอันขาด

ราศีกรกฎ

ราศีกรกฎ

ความรัก ราศีกรกฎ
คนที่เกิดในราศีกรกฏ บ้านคือหัวใจสำคัญของเขา เป็นที่ที่ปลอดภัยและรู้สึกผ่อนคลายที่สุด เมื่ออยู่บ้านกับครอบครัว ธรรมชาติของชาวกรกฎอยู่บนฐานของดวงจันทร์ และมีสัญลักษณ์ประจำราศีคือ ปู ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่มีอารมณ์แปรปรวน ขึ้นๆลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ ม่ค่อยมีความมั่นใจ หากคุณเป็นคนสนิทกับเขาคุณจะต้องยอมอุทิศเวลาและอารมณ์เพื่อคอยเอาใจและดูแลเขามากหน่อย และต้องเป็นผู้นำให้กับเขาด้วย แต่เขาก็ไม่ใช่คนเรื่องมากอย่างที่คิด เขาโกรธง่ายหายเร็ว และสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ค่อนข้างดี ดังนั้นในการคบกับชาวราศีกรกฎจะเป็นบทพิสูจน์ที่ดี สำหรับความใจเย็น อดทนและความเป็นผู้นำของคุณเลยทีเดียว

ความโรแมนติกแบบราศีกรกฎ
ชาวกรกฎเป็นคนอ่อนหวาน มีเสน่ห์เย้ายวนใจ ขี้อ้อน จนยากที่ใครจะสามารถทนกับความหวานและน่ารักของเขาได้ ชาวกรกฎเป็นคนที่มีความละเอียดอ่อน ในการรับประทานอาหารแต่ละมื้อเขาจะจัดโต๊ะอาหารอย่างสวยงามเพื่อสร้างบรรยากาศ เป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน หาอะไรทำไปเรื่อยๆในยามว่าง โดยทั่วไปชาวกรกฎจะเป็นคนที่ค่อนข้างโรแมนติกอยู่แล้ว ทั้งการกระทำและอารมณ์ความรู้สึก แต่ของอย่างนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดัง ถ้าคู่รักไม่ตอบสนองหรือสร้างบรรยากาศให้ไปกันได้ ชาวกรกฎก็อาจจะหมดอารมณ์ จนท้ายที่สุดก็จะงอนคุณไปเลย

ความรักของราศีกรกฎ
ชาวกรกฎเป็นผู้ซึ่งมีความเข้าใจและรู้ใจคนที่คบหาได้เป็นอย่างดี ยกเว้นอย่างเดียวคือมักจะจำชื่อคนไม่ค่อยได้ นอกนั้นก็ถือได้ว่าเป็นคนที่ควรจะคบค้าสมาคมด้วยอย่างมากเลยทีเดียว เขาเป็นคนมีน้ำใจและจริงใจ ชาวกรกฎเป็นคนที่มีเสน่ห์ เป็นที่อยากรู้จักของคนทั่วไปแต่สำหรับคู่รัก คงจะต้องทำใจกับความเจ้าเสน่ห์อันนี้ของเขาด้วย ถ้าคุณคือคนที่คบอยู่กับชาวกรกฎ ไม่ว่าจะในฐานะแฟนหรือเพื่อนสนิทคุณควรจะจดจำรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่สำคัญเกี่ยวกับเขาให้ได้ ไม่ว่าจะวันเกิด วันสำคัญ อื่นๆในตัวเขา เพลงที่เขาชอบ อาหารที่ชอบ อะไรทั้งหลายเหล่านี้ถ้าคุณจำได้และหาโอกาสทำอะไรเล็กๆน้อยๆ เพื่อเขาบ้างเขาจะปลื้มใจในตัวคุณมาก

ความสัมพันธ์แบบชาวราศีกรกฎ
ความรักของชาวกรกฎ เป็นในแบบรักน้อยๆ แต่รักนานๆ ความรักของเขาจะไม่ค่อยรีบร้อน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจะรีบไปทำไม เขาจะทะนุถนอมดูแลความรักของเขาอย่างดี และอุทิศเวลาและทุกอย่างเพื่อให้ความรักของเขาราบรื่นแต่ก็มีบ้างบางครั้งที่จะทำอะไรตามอารมณ์มากเกินไป ดังนั้นคุณควรให้อภัยเขา เพราะชาวกรกฎจริงจังและจริงใจกับความรักมาก นอกจากนั้นชาวกรกฎยังถือได้ว่าเป็นคนที่เหมาะสำหรับเป็นคู่รักที่สุดสำหรับคนที่แสวงหาคนรักในแบบนี้ ต้องการคนคอยดูแลเอาใจใส่ จริงใจและอบอุ่น นั่นล่ะเขา …ชาวกรกฎ

SEX กับราศีกรกฎ
สำหรับชาวกรกฎเรื่องSex เปรียบเสมือน กิจกรรมในยามพักผ่อนของเขา เขาเป็นทั้งผู้นำและผู้ตามที่ดีในเรื่องนี้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความพอใจในแต่ละครั้ง นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่ยอมรับอารมณ์ของคู่รักได้เสมอ ในยามที่มีอารมณ์ ความต้องการที่ไม่ตรงกัน ชาวราศีกรกฎถือเป็นคู่รักที่ดีและไม่เคยบกพร่องในเรื่องนี้แต่อย่างใด แล้วอะไรหล่ะที่ชาวราศีกรกฎต้องการ ชาวกรกฎต้องการคนที่ใจเย็น สบายๆ ทำอะไรไม่รีบร้อน และมีความมั่นคงทางอารมณ์ ซึ่งจะทำให้คบกันได้นานเขาต้องการคนที่สามารถแลกเปลี่ยนความรู้สึก ความคิดเห็นได้ เพราะเขาคิดว่าความเข้าใจและความสม่ำเสมอ คือหัวใจสำคัญที่สุดในการคบหากัน

ราศีเมถุน

ราศีเมถุน

ความรัก ราศีเมถุน
ชาวเมถุนเป็นผู้ที่มีความคล่องแคล่วว่องไว ปราดเปรียว ปรู๊ดปร๊าด บริหารเวลาเก่ง เวลาของเขาเป็นเงินเป็นทองไปหมด ชาวเมถุนเป็นคนที่ไม่อยู่นิ่งเฉย ต้องหยิบจับ หาอะไรทำอยู่เรื่อยๆจะคอยศึกษาหาความรู้ใหม่ๆใส่ตัวอยู่เสมอ ชาวเมถุนเป็นคนธาตุลม เป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูง มีความเฉลียวฉลาด เป็นคนที่มีความสามารถในการสื่อสาร การพูดจาที่ดี น่าฟัง เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ หัวไวและเป็นคนร่าเริง ชาวเมถุนเป็นคนที่พร้อมจะเปลี่ยนแฟนได้เสมอ ถ้าเขาได้เจอคนใหม่ที่มีความน่าสนใจกว่า ฉลาด มีความเพียบพร้อมมากกว่าเขา ชาวเมถุนจะไม่ให้อิสระในการคบหากันมากนัก และในเรื่องบางเรื่องเช่น เรื่องบนเตียงเขาจะเรื่องมากและพิถีพิถันมาก

ความโรแมนติกแบบราศีเมถุน
ชาวเมถุนเป็นคนร่าเริง รักสนุกและชอบเสี่ยง มีอารมณ์แปรปรวน เอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ดังนั้นคงต้องใช้ความอดทนสูงหากจะรักชาวเมถุน ชาวเมถุนชื่นชอบการผจญภัยและท่องเที่ยว ถ้าคุณสามารถนำความโรแมนติกมารวมกับการผจญภัยได้ ก็จะเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างคะแนนความรักได้ชาวคนคู่เป็นคนที่มีการไตร่ตรองที่ดี เป็นที่ปรึกษาที่ดีให้แก่กันและกันในยามที่มีปัญหามากกว่าที่จะมานั่งทะเลาะกัน

ความรักของราศีเมถุน
การพบปะคบหากับชาวเมถุน จะมีความหลากหลายและไม่มีคำว่าน่าเบื่อ ชาวเมถุนจะคบหาคนแบบที่มีความตื่นตัวและว่องไว และเมื่อเจอคนที่ใช่ก็จะรู้ได้ทันทีและก็จะเข้ากันได้อย่างง่ายดาย คนที่จะมาคบกับชาวเมถุนได้นั้นจะต้องเป็นคนที่มีความคิด?ับไว มีปฏิภาณไหวพริบดี ทันคน และถ้าคุณต้องการจะพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นคนขี้หึงหรือไม่ก็ลองคบกับชาวเมถุนดู เพราะชาวเมถุนจะทำให้คุณหึงได้เสมอ เพราะเขาเป็นคนที่มีเสน่ห์และมีคนมาเกาะแกะมากมาย ในการคบกับชาวเมถุนคุณควรปล่อยให้เขามีอิสระบ้างและคุณก็ไม่ต้องกังวลใดๆ เพราะถ้าคุณคือตัวจริงของเขา เขาจะซื่อสัตย์กับคุณตลอดไป

ความสัมพันธ์แบบชาวราศีเมถุน
ความรักของชาวเมถุนเปรียบเสมือนการผจญภัยอย่างแท้จริง ชาวเมถุนมักจะตั้งคำถามในใจเสมอว่า จะสามารถหาคนคนนั้น คนที่เป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ความสุขกับเขาได้ตลอดไปได้นั้นมีจริงหรือ ถ้ามีจริง เขาก็จะรอเพื่อที่จะได้พบกับคนๆนั้น ในยามที่ชาวเมถุนมีรัก เขาจะเป็นคนรักที่ดูแลเอาใจใส่ดีมากๆ ทำทุกๆอย่างเพื่อให้คนรักมีความสุขและบ่อยครั้งที่เขาจะรู้สึกว่า เคว้งคว้างอยู่ในความรักที่มีเขาเป็นฝ่ายให้แต่ฝ่ายเดียว ดังนั้นเขาจึงต้องการคนที่จะมาอยู่เคียงข้างเขาได้และดีกับเขาบ้างแค่นั้นเอง

SEX กับราศีเมถุน
ชาวเมถุนไม่ค่อยมีอารมณ์ในเรื่อง Sex มากมายนัก แต่จะมีความรู้สึกในเรื่องนี้เมื่ออยู่ในบรรยากาศดีๆ และเหมาะสมเท่านั้น Sex เปรียบเสมือนกีฬาอย่างหนึ่งของชาวเมถุน เขาจะค้นหาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอในแบบที่ถูกใจ ชาวเมถุนให้ความสำคัญกับการสัมผัสและเสียง และต้องการหาสิ่งที่ดีที่สมบูรณ์แบบให้กับชีวิตรักของเขา แล้วอะไรหล่ะที่ชาวราศีเมถุนต้องการ ใครสักคนที่สามารถตามเขาทัน เข้าใจเขา รู้ใจและพร้อมจะผจญภัยกับเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มีความเ?ลียว?ลาด ร่าเริงและเป็นเพื่อนที่ดีของเขาได้ และสำหรับคนรักนั้นก็เช่นกัน แต่อาจจะไม่ต้องฉลาดเฉลียวมากมายนัก แต่ขอให้เป็นคนที่สามารถทำให้เขาสบายใจได้ในยามที่เขาทุกข์ใจ

ราศีพฤษภ

ราศีพฤษภ

ความรัก ราศีพฤษภ
ชาวราศีพฤษภเป็นคนธาตุดิน เป็นคนนิ่งๆ และไม่โลดโผนมากนัก แต่ก็ไม่ใช่คนจำพวกที่น่าเบื่อ ชาวราศีวัวออกจะเป็นคนที่อุบอุ่น ละเอียดอ่อน และโรแมนติกด้วยซ้ำไป เขาจะทำสิ่งใดด้วยใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความจริงใจ สิ่งที่เขาต้องการก็คือความจริงใจเช่นกัน ความเข้าใจกันและสมัครสมานสามัคคีกัน ชาวราศีวัวเป็นคนที่ชอบสิ่งของที่ดูหรูหรา ดูดี อาจไม่จำเป็นต้องเป็นของมียี่ห้อ แบรนด์เนมอะไร หากเป็นที่ถูกอกถูกใจเขาได้ล่ะก็ คนๆนั้นก็อาจจะเป็นคนโปรดของชาวพฤษภเลยทีเดียว หรือไม่ก็ต้องเป็นคนที่สามารถทำให้เขาอารมณ์ดีได้และแสดงออกทางความรู้สึกให้มากๆเข้าไว้ แล้วคุณก็จะเป็นที่รักของชาวราศีนี้ได้อย่างง่ายดาย ไม่เชื่อก็ลองดูสิ


ความโรแมนติกแบบราศีพฤษภ
คงไม่มีคำไหนจะอธิบายความโรแมนติกของชาวพฤษภได้ดีเท่ากับคำว่า หวาน และอ่อนโยน เขาจะเป็นคนที่มีอารมณ์ละเอียดอ่อน การสัมผัส การส่งยิ้ม หรือการสบตาจะมีความหมายเป็นอย่างยิ่งถ้ามาพร้อมกับดอกกุหลาบสวยๆ หรืออะไรที่สร้างบรรยากาศให้ความโรแมนติกได้ เป็นอะไรที่ทำให้ชาวพฤษภปลื้มใจสุดๆ เพราะชาวพฤษภให้ความสำคัญกับสิ่งของที่มีความหมายเหล่านี้ และสิ่งของต่างๆที่อบอวลไปด้วยความหวาน ชาวพฤษภเป็นคนที่ยึดถือในความหนักแน่น มั่นคง ถ้าคุณพิสูจน์ใจให้เขาเห็นถึงความมั่นคงและซื่อสัตย์ในตัวคุณแล้ว คุณจะเป็นหนึ่งในดวงใจของเขาตลอดไป

ความรักของราศีพฤษภ
ชาวพฤษภจะเป็นเพื่อนที่ดี ถ้าเจอคนที่ถูกใจและต้องไม่ผูกมัดอะไรมากมาย ความสัมพันธ์ของชาววัวจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่จะยืนยาวไปอีกนาน เขาจะไม่ยอมย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ จนกว่าจะได้มาในสิ่งที่ปรารถนา เขาเป็นคนที่ทุ่มเทและจริงใจ ดังนั้นหากใครรู้ตัวว่าไม่ใช่คนที่จริงใจ หรือชอบเอาเปรียบคนก็อย่าคบกับชาววัวเลย เพราะเขาไม่ชอบคนแบบนี้ ชาวพฤษภชอบที่จะคบเพื่อนน้อยๆ คน แต่คบแบบสนิทแนบแน่น เขาจะสร้างมิตรภาพกับคุณแบบจริงใจและจริงจัง เพื่อนของชาวพฤษภควรจะฝึกการง้อและเอาใจไว้บ้าง เพราะชาววัวค่อนข้างจะขี้งอนและขี้น้อยใจ อาจจะเป็นการง้อโดยการขอโทษ ทำตัวดีๆ เอาใจ หรือไม่ก็อาจเป็นการหาซื้อของเล็กๆน้อยๆที่มีความหมายดีๆให้ แค่นี้เพื่อนชาวพฤษภของคุณก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้แน่ๆ

ความสัมพันธ์แบบชาวราศีพฤษภ
ชาวพฤษภเป็นคนที่หนักแน่นในความรัก เมื่ออยู่ในที่สาธารณะเขาจะเก็บอาการไม่แสดงออกความรู้สึกมากนัก แต่ถ้าอยู่ตามลำพังก็จะแสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ ชาววัวต้องการการดูแลเอาใจใส่มากพอดู ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชม. สามารถมีความเป็นอิสระส่วนตัวได้ ตราบใดที่มีความไว้เนื้อเชื่อใจกันและกัน ชาวราศีพฤษภมองเรื่องของความรักกับเรื่อง Sex เป็นของคู่กัน และเป็นองค์ประกอบของกันและกัน ดังนั้น Sex จึงเป็นเรื่องที่สวยงามของชาวพฤษภ

SEX กับราศีพฤษภ
ชาวพฤษภเป็นอีกหนึ่งราศีที่มีเสน่ห์เย้ายวนใจ มีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างง่ายดาย เขาจะใช้สิ่งเหล่านี้แหละเพื่อแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง สำหรับเขาการแสดงออกในความรักของเขาจะแสดงออกอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เป็นคนที่สร้างอารมณ์และความรู้สึกที่ดีในการอยู่ร่วมกัน เป็นคนที่มีความโรแมนติก เพราะเขารู้สึกว่า Sex มาจากความรู้สึกข้างในที่เต็มไปด้วยความรัก ซึ่งเป็นสิ่งสวยงามในชีวิตเขา แล้วอะไรหล่ะที่ชาวราศีพฤษภต้องการ ชาวพฤษภต้องการใครสักคนที่หนักแน่นและมั่นคงที่จะทำให้ชีวิตของเขามีความสุขได้ ต้องการคนที่ให้ทั้งความรัก การดูแลและสิ่งของที่มีความหมายดีๆ ที่จะติดตรึงอยู่ในใจของชาววัวตลอดไป การดูแลให้ความอบอุ่นและความเชื่อมั่น คือวิธีที่เหมาะที่สุดที่จะปฏิบัติให้กับชาวพฤษภและก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการ ชาวพฤษภเป็นคนที่พึ่งพาอาศัยได้และเป็นคนที่คอยดูแลเอาใจใส่สม่ำเสมอ หากใครต้องการเป็นคนที่โชคดีที่จะใช้ชีวิตในโลกอันสวยงามร่วมกับเขาได้ จะต้องใจเย็นและใช้เวลาในการค่อยๆบ่มเพาะความรัก ความรู้สึกในการพิชิตใจชาวพฤษภ

ราศีเมษ

ราศีเมษ

ความรัก ราศีเมษ
ชาวราศีแกะเป็นคนธาตุไฟ ที่จัดได้ว่าเป็นคนใจอ่อน โมโหง่ายคนที่เกิดในราศีนี้จะเป็นคนที่มีอารมณ์ร้อน ฉุนเฉียวง่ายและไม่สามารถจะอดทนหรืออดกลั้นอะไรได้นานๆ ประมาณว่าต่อมอดทนอดกลั้นคงผิดปกติ มีอะไรนิดอะไรหน่อยมาสะกิดล่ะก้อ เป็นได้ฟิวส์ขาดทุกทีไป เสน่ห์ของชาวราศีเมษอย่างนึงก็คือความมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี (ส่วนเรื่องขี้หลีหรือไม่ขี้หลีนั่นก็อีกเรื่อง) เข้ากับคนง่าย เพื่อนฝูงมากหน้าหลายตา ชาวราศีเมษเป็นคนที่มีบุคลิกภาพที่ดี กล้าแสดงออกชอบการผจญภัยและสิ่งใหม่ๆ ดังนั้นเพื่อนที่รู้ใจของชาวราศีนี้จะต้องเป็นแบบที่พร้อมจะลุยไปกับเขาได้ทุกเมื่อ ทุกที่ ทุกเวลา แบบว่าพกพาไปไหนมาไหนแล้วสบายใจ ไร้กังวล (ใช้วิสเปอร์สิคะ)เรื่องรักเพื่อนนี่ก็ต้องยกให้เขาคนนี้อีกล่ะ อะไรที่ว่าดีร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ เป็นต้องสรรหามาให้เพื่อนเสมอ เห็นอะไรสวยๆงามๆ น่ารักๆอดไม่ได้ที่จะต้องนึกถึงเพื่อนตลอด จนบางครั้งจะตำหนิตัวเองเมื่อทำให้เพื่อนไม่พอใจ

ความโรแมนติกแบบราศีเมษ
ชาวเมษเป็นคนที่ชอบความท้าทาย ชอบทำในสิ่งต่างที่เขาคาดหวังให้ได้ดีให้สำเร็จเพื่อให้ได้ผลตอบแทนหรือรางวัลที่เขาต้องการ และเขาจะไม่ทำอะไรที่คิดแล้วว่าผลตอบแทนไม่คุ้มค่ากับทั้งเวลา ทั้งแรงกายแรงใจที่เสียไปเขามักจะคำนึงถึงเรื่องการได้รับและการต้องเป็นฝ่ายให้มาเป็นอันดับแรก ชาวราศีเมษจะไม่อดกลั้นในสิ่งที่เขาอึดอัด เก็บอาการไม่ค่อยจะอยู่ ดูปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร เป็นคนที่ต้องการการเอาใจใส่ ความใกล้ชิด เขาจะหัวใจพองโตทุกครั้งถ้าได้ยินคนรักบอกรักและชื่นชมในตัวของเขา (แหม โรแมนติกซะไม่มี)

ความรักของราศีเมษ
ชาวราศีเมษเป็นคนที่ไม่หยุดนิ่งในเรื่องความรัก เขาจะเสาะแสวงหาความรักในรูปแบบต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณต้องทำใจกับการหว่านเสน่ห์และดึงดูดใจผู้คนของเขาอยู่เสมอ จะมีผู้มาหลงเสน่ห์และห้อมล้อม คอยมาเอาใจหรือดูแลเขาอยู่มากมาย ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ชาวราศีเมษพึงพอใจ เขาชอบให้คนมาหลงไหลในตัวเขา ยอมทำทุกอย่างเพื่อเขามากๆ แต่ความรักของชาวราศีเมษจะสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ตราบเท่าที่ชาวราศีเมษเข้าใจถึงความรู้สึกและการแบ่งปันความรักให้แก่คนอื่นบ้าง

ความสัมพันธ์แบบชาวราศีเมษ
ชาวราศีเมษเป็นคนจริงใจ ซื่อสัตย์ มีความเป็นตัวของตัวเอง ค่อนข้างขี้เหงา ต้องการเพื่อนแต่ชาวเมษก็ค่อนข้างเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง อารมณ์ร้อน เบื่อง่าย ดังนั้นใครก็ตามที่อยากจะเป็นเพื่อนซี้ย้ำปึ้กกับเขา จะต้องเข้าใจและสามารถวางตัวให้เหมาะกับอารมณ์ของชาวเมษด้วยเพราะบางครั้งเขาก็ต้องการความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังต้องเป็นคนที่ใจเย็น และหนักแน่นกว่า และจะต้องไม่ทำตัวน่าเบื่อหรือทำอะไรซ้ำๆซาก ไม่เช่นนั้นความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับชาวราศีเมษคงไปด้วยกันไม่รอดแน่

SEX กับราศีเมษ
ในเรื่องของ Sex แล้ว ชาวเมษจะเปรียบเสมือนเสือที่ออกล่าเหยื่อเป็นอาหาร เขาจะเสาะแสวงหาเพื่อให้ได้สิ่งที่ถูกใจ สำหรับความสัมพันธ์ทางเพศแล้ว ชาวเมษจะเป็นคนเปิดเผยและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อทำให้คนรักพอใจ เขายกให้คุณจนหมดใจ ขอเพียงแค่คุณมีความจริงใจและรักเขาอย่างแท้จริง เพราะถ้าคุณไม่สามารถทำให้เขาเชื่อใจได้ เขาจะระแวงและคอยกันท่า หรือหึงหวงคุณเสมอ แล้วอะไรหล่ะที่ชาวราศีเมษต้องการ ชาวเมษไม่ต้องการของขวัญแบบที่ดูหวานๆ เช่นพวกดอกไม้ รูปหัวใจต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาให้ความสำคัญเท่าใดนัก สิ่งที่เขาต้องการคือเวลาและกิจกรรมที่ทำร่วมกันมากกว่า เขาต้องการความเข้าใจและการกระทำที่ดีทั้งกายและใจ กิจกรรมที่น่าตื่นเต้น โลดโผน และการแสดงออกถึงความรัก การสัมผัสและถ่ายทอดความรักเช่น การหอมแก้ม การกอด การจูบบ้าง คือสิ่งที่ชาวเมษต้องการมากกว่าสิ่งใดๆ

ราศีมีน

ราศีมีน

ความรัก ราศีมีน
ชาวมีนเป็นคนช่างคิดช่างฝัน คุยเก่ง เขาจะพูดคุยถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ได้เรื่อยๆ เขาเป็นคนที่วาดฝันแต่สิ่งดีๆสิ่งสวยงามโดยพยายามที่จะซ่อนหรือลืมความจริงที่ไม่ได้ดั่งใจเขาเอาไว้ คนที่จะเข้ากับชาวมีนได้ดี จะต้องเป็นคนที่ไม่พูดตรงเกินไป และเลี่ยงคำพูดที่จะทิ่มแทงใจเขา แต่ไม่ใช่ว่าชาวมีนจะหนีความจริงเสมอไป เพียงแต่ว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างคิดมาก อ่อนไหว จึงพยายามไม่คิดอะไรให้มันจริงจัง แต่ชาวมีนก็เป็นคนที่ปรับตัวเข้ากับสิ่งรอบตัวได้ดี

ความโรแมนติกแบบราศีมีน
ใครก็ตามที่มองหาคู่รักแบบในอุดมคติ ชาวมีนอาจจะเป็นหนึ่งในคู่รักแบบที่คุณต้องการก็ได้เพราะเขาจะมีความโรแมนติกมาก ทุกอย่างที่จะทำให้บรรยากาศแห่งการอยู่ร่วมกันมีความสุข เขาจะทำ แต่กว่าจะถึงขั้นนั้นได้ต้องใช้เวลานานพอสมควร ในการค่อยๆศึกษาเรียนรู้กันไป เพราะเขาจะคอยระมัดระวังไม่ให้ผิดหวังหรือเสียใจ แต่ถ้าลองได้คบกันไปนานๆแล้ว ดอกไม้ ของขวัญน่ารักๆ หรือการได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเขาจะทำให้คุณรักเขามากขึ้น

ความรักของราศีมีน
ชาวมีนเป็นมองโลกในแง่ดี ง่ายๆ ไม่มีพิธีรีตองอะไร ใช้ชีวิตแบบไม่เครียด ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีในการคบหากัน เพราะเขาอยากเป็นที่รักของทุกคนมากกว่าจะเป็นศัตรูกัน สำหรับคนรัก ความอ่อนโยนและความห่วงหาอาทรคือสิ่งที่ชาวมีนปฏิบัติต่อคนรักของเขาอย่างสม่ำเสมอ และต้องการการดูแลจากคนรักเช่นกัน บางครั้งด้วยจิตใจอันดีงามของเขา อาจจะทำให้เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะยอมคนอื่นมากไป

ความสัมพันธ์แบบชาวราศีมีน
ความรักคือส่วนสำคัญของชีวิตชาวมีน เพราะความรักทำให้เขามีความสุขและมีกำลังใจในการทำทุกสิ่งทุกอย่าง คนที่มีลักษณะนิสัยแบบแข็งทื่อ ไม่มีความอ่อนหวาน ไม่ใช่แบบที่ชาวมีนต้องการ คนรักของเขาจะต้องมีความอ่อนโยน โรแมนติก และเห็นความสำคัญในความรักที่เขามีให้คนรักอย่างมากมาย เขาเชื่อในเรื่องเนื้อคู่และพรหมลิขิต ใครที่ได้เขาเป็นคนรัก จะได้พบกับความรักที่อบอวลไปด้วยการทนุถนอม การดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี

SEX กับราศีมีน
Sex เป็นเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์ ซึ่งไม่แน่นอน บางครั้งอาจมีมากบางครั้งอาจมีน้อย ซึ่งถ้าหากคุณควบคุมอารมณ์ของเขาได้ ก็สามารถคุมเรื่องSex ของเขาได้เช่นกัน เขาเป็นคู่รักที่ดีเสมอในเรื่องนี้ เขาไม่เคยทำให้คุณต้องผิดหวัง มีแต่จะยิ่งหลงไหลในตัวเขามากขึ้น แล้วอะไรหล่ะที่ชาวราศีมีนต้องการ ชาวมีนต้องการคนที่สามารถมาเป็นส่วนเติมเต็มให้กับชีวิตเขาได้ ถ้าเขาหมดหวัง อีกคนจะช่วยเป็นกำลังใจให้ นี่คือสิ่งที่เขาต้องการจากคนที่เขารัก ทำให้เขาอุ่นใจได้เสมอแม้เมื่อเจอปัญหา คุณจะต้องไม่ดูถูกความฝันของเขา แต่จะต้องคอยดึงเขาออกจากฝันนั้นบ้าง เพราะมิฉะนั้นจะกลายเป็นหลงอยู่ในความฝันจนลืมนึกถึงความเป็นจริง

ราศีกุมภ์

ราศีกุมภ์

ความรัก ราศีกุมภ์
ชาวราศีกุมภ์ บุคคลผู้ซึ่งมีมุมมองที่เปิดกว้าง มีอิสระทางความคิดและจะคอยแนะนำแต่สิ่งดีๆให้เพื่อนและคนรอบข้างเสมอเขามักจะเป็นคนจุดประกายแนวคิดต่างๆ ให้แก่คนอื่นทำให้ชาวกุมภ์เป็นคนกว้างขวาง มีคนรู้จักมากมาย และเป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดความสนใจจากผู้อื่นได้ แต่ข้อเสียของเขาคือ ความเจ้าชู้ถ้าใครได้เป็นแฟนกับชาวกุมภ์จะต้องทำใจกับความเจ้าชู้ของเขาให้ได้

ความโรแมนติกแบบราศีกุมภ์
ชาวกุมภ์เป็นคนที่ติดเพื่อนและมีเพื่อนมาก จึงเป็นเรื่องที่เกิดขี้นบ่อยครั้งที่ชาวกุมภ์จะเริ่มประทับใจหรือแอบชอบใครสักคนจากความสนุกสนานเฮฮาในกลุ่มเพื่อนชาวกุมภ์จะเป็นคนที่วางแผนกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์และความประทับใจที่ดีได้ดีเยี่ยมเพราะชาวคนโฑเป็นคนที่มีความคิดและจินตนาการที่ดี อีกทั้งยังมีอารมณ์ขันอีกด้วย ด้วยความที่เขาเป็นคนช่างคิด เขาจึงมีวิธีที่สร้างความโรแมนติกได้อย่างไม่ยากเย็นแต่บรรดาคู่ควงของเขาควรระมัดระวัง อย่าไปหลงใหลในการกระทำและคำพูดของเขามากนัก เพราะมันอาจจะเป็นเพียงภาพลวงตาก็ได้ คุณไม่มีทางรู้ใจชาวคนโฑได้ เขาจะเก็บความรู้สึกนึกคิดต่างๆ ได้ดี แต่ถึงยังไงชาวกุมภ์ก็ยังเป็นคนรักที่ดี ชอบสร้างบรรยากาศแห่งความรักให้เกิดขึ้นเสมอ แต่เขาอาจจะมีอะไรอยู่ในใจโดยที่ไม่บอกคุณบ้างเท่านั้นเอง

ความรักของราศีกุมภ์
ชาวคนโฑเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ที่หลากหลาย แต่ละคนก็จะเหมาะกับความสัมพันธ์ในแบบที่ต่างกันไป แต่จะมีเพียงหนึ่งคนที่จะโชคดีได้คบกันในรูปแบบความสัมพันธ์ที่เป็นตัวของชาวคนโฑเอง ชาวกุมภ์เป็นคนที่รักเพื่อนพ้องและไม่ชอบความแตกแยก ทะเลาะเบาะแว้งกัน เขาจะเป็นตัวประสานความคิดที่แตกต่างกันของเพื่อนๆ ให้ความสำคัญกับเพื่อนเท่าๆกับคนรัก ดังนั้นจะต้องมีช่วงที่เขาจะได้เปลี่ยนอารมณ์ระหว่างคนรักกับเพื่อนบ้างนั่นคือให้เวลาเขาได้อยู่กับตัวเองชาวกุมภ์มักจะลืมนึกถึงตนเองเพราะมัวแต่ห่วงคนอื่นๆ ถ้าเขาได้คนรักที่คอยดูแลห่วงใยในตัวเขามากๆ ก็จะเป็นการดีมากทีเดียว

ความสัมพันธ์แบบชาวราศีกุมภ์
ชาวกุมภ์เป็นคนที่ใช้เวลาในการวิเคราะห์ในเรื่องความรักนาน เพราะความรักเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งและซับซ้อน เขาจะต้องคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจทำอะไรลงไป ไม่เร่งรีบกับความรัก ในยามที่มีความรักเขาจะตั้งกฏกติกาต่างๆไว้มากมาย เขาจะทำความตกลงกันไว้อย่างรอบคอบ แต่สิ่งที่จะทำให้ความรักของเขาไปได้ดีคือความใกล้ชิด ความเข้าใจกัน ซึ่งหากไม่มีสิ่งนี้ความรักก็จะสมบูรณ์ไม่ได้

SEX กับราศีกุมภ์
ด้วยความที่ชาวกุมภ์เป็นคนธาตุลม ที่ต้องการความเข้าใจ ความสุขใจ เรื่อง Sexจะเกิดขึ้นเพื่อต้องการความสุขทางใจมากกว่าความสุขทางกาย เขาจะแคร์ความรู้สึกของคนรักของเขามาก ถึงแม้ว่าชาวกุมภ์จะเป็นคนที่มีเพื่อนมาก แต่เมื่อเอ่ยถึงเรื่องส่วนตัวแล้วเขาจะให้เวลากับมันอย่างดี เพราะเขากลัวว่าจะสร้างความไม่พอใจให้กับคนรัก ชาวกุมภ์กับเรื่อง Sex ไม่มีอะไรหวือหวา จะเป็นไปตามธรรมชาติ แล้วอะไรหล่ะที่ชาวราศีกุมภ์ต้องการ ชาวกุมภ์เป็นคนที่มีความคิด และมีมุมมองที่กว้างขวาง เขามักจะเชื่อมั่นในความคิดและสิ่งที่เขาตัดสินใจลงไป ดังนั้นคนรักของเขาจึงควรเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความคิดของเขาได้ดีที่สุด ชาวคนโฑต้องการคนที่สามารถพูดคุย ให้คำปรึกษากับเขาได้และพร้อมที่จะเป็นกำลังใจเพื่อให้เขาก้าวไปสู่สิ่งที่ดียิ่งขึ้นไป นอกจากนี้เขาเป็นคนที่ไม่ดูแลตัวเองเอาเสียเลย เพราะฉะนั้นคุณจะต้องดูแลเอาใจใส่เขาให้มากๆ และคุณต้องเป็นคนรักครอบครัวด้วยนั่นคือสิ่งเขาต้องการเพราะจะช่วยประคับประคองให้ชีวิตคู่ยั่งยืน

ราศีมังกร

ราศีมังกร

ความรัก ราศีมังกร
เป็นสัญลักษณ์แห่งความขยันขันแข็ง ชาวมังกรเป็นผู้ที่มีความมานะบากบั่น ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากใดๆ จนกว่าจะได้มาซึ่งความสำเร็จ ในเรื่องทั่วไปก็คงจะเป็นสิ่งดี แต่สำหรับในด้านความรัก บางทีความพยายามที่มากเกินไปเพื่อให้ได้มาซึ่งความรัก อาจจะเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ ด้วยความที่ชาวมังกรเป็นผู้ที่มีรสนิยมสูง เขาจึงต้องพยายามและเหนื่อยกับมัน ชาวมังกรเป็นคนที่มีความโรแมนติกพอสมควร และจะมีความสุขกับการให้สิ่งดีๆหรือทำดีกับใครที่เป็นคนพิเศษของเขา ชาวมังกรเป็นคนที่มีคนนับหน้าถือตาในวงสังคม ดังนั้นหากใครที่จะมาเป็นคนรู้ใจของเขาจะต้องพิสูจน์ตัวเองว่าสามารถเคียงคู่และส่งเสริมให้ภาพพจน์ของเขาดูดีเหมือนเดิมหรือไม่ก็ดีกว่าเดิม

ความโรแมนติกแบบราศีมังกร
ชาวมังกรออกจะเป็นคนหัวโบราณ อนุรักษ์นิยม ดังนั้นการจะทำอะไรจะต้องระมัดระวังให้ดี อย่าให้เสื่อมเสียชื่อเสียงไม่ให้คนอื่นมองไม่ดีหรือเอาไปนินทาได้ทำให้บางครั้งการแสดงออกถึงความรักกระทำได้ไม่เต็มที่อาจทำให้คนรักที่ไม่เข้าใจในจุดนี้เบื่อหรือหมดอารมณ์ได้แต่ชาวมังกรก็เป็นคนที่เอาใจคนเก่ง เขารู้ว่าทำสิ่งใดถึงจะถูกใจคนรักของเขาและด้วยความที่เป็นตัวของตัวเองไม่เหมือนใครจึงทำให้เขาเป็นคนที่มีคนแอบปลื้มอยู่มากชาวมังกรถือได้ว่าเป็นคนที่มีความอบอุ่นและความโรแมนติกในแบบของผู้ใหญ่พอสมควร

ความรักของราศีมังกร
ชาวมังกรเป็นคนเรียบง่ายและมีความพยายามในการปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นๆได้เป็นอย่างดี และชอบให้ความสัมพันธ์ที่คบกันอยู่นั้นเต็มไปด้วยความแปลกใหม่น่าตื่นเต้นอยู่เสมอ คนรอบๆข้างที่คบกับเขาจะพบกับความเพลิดเพลิน แปลกใหม่อยู่เสมอ สำหรับคนรักคนพิเศษนั้นจะยิ่งสำคัญมาก เพราะนอกจากความสนุกสนานที่มีให้แล้วยังมีความรู้สึกห่วงหาอาทรและปกป้องดูแลคุณอยู่ไม่ห่างอีกด้วยความเอาใจใส่ของชาวมังกรมีมากจนไม่ทำให้คุณรู้สึกว่าขาดอะไรในชีวิตเลย

ความสัมพันธ์แบบชาวราศีมังกร
ความรักของชาวมังกร เต็มไปด้วยความทุ่มเท เป็นความรักอย่างบริสุทธิ์ใจซึ่งความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่จะต้องสำหรับคนที่ถูกใจหรือรักมากจริงๆเท่านั้น เขาจึงจะยอมทำทุกอย่างได้ เพราะชาวมังกรกลัวความเสียใจ ความผิดหวัง การสูญเสียจากสิ่งที่ทุ่มเทและวาดหวังไว้ ชาวมังกรเป็นคนซื่อสัตย์และอุทิศทุกอย่างเพื่อคำว่ารัก พูดง่ายๆคือเป็นคนบูชาความรักนั่นเอง

SEX กับราศีมังกร
ภายใต้ความเยือกเย็น สุขุมที่ปกคลุมอยู่ภายนอก น้อยคนที่จะได้รู้ถึงความรู้สึกภายในที่เร่าร้อนซึ่งรอคอยผู้ที่มาสัมผัสและเข้าใจถึงความรู้สึกที่แท้จริง ชาวมังกรเป็นคนธาตุดิน เป็นคนไม่หวือหวา โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง อีกทั้งเขามองว่าเป็นเรื่องที่ต้องสำรวม จะแสดงออกต่อเมื่อถึงเวลาเท่านั้น ถ้าชาวมังกรยอมเผยความรู้สึกในเรื่องนี้กับใครแล้ว แสดงว่าเขามั่นใจว่าคนคนนั้นคือคนที่เขาจะใช้ชีวิตรักไปด้วยอีกนาน แล้วอะไรหล่ะที่ชาวราศีมังกรต้องการ ชาวมังกรชอบการแข่งขัน ความท้าทายและอุปสรรคที่เขาจะต้องฟันฝ่าเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ ชาวมังกรจึงเหมาะกับคนที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความสง่าและสูงศักดิ์และมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกับชาวมังกรได้เสมอ ต้องมีความเก่งพอๆกันและสิ่งที่ชาวมังกรต้องการอีกสิ่งคือคนรักที่เข้าใจในธรรมชาติของเขาผู้ซึ่งไม่ยอมแพ้ต่ออะไรง่ายๆ ต้องปรามเขาได้ และไม่เป็นคนอ่อนไหวจนเกินไป

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2552

อาหารกับอารมณ์

อาหารกับอารมณ์

คุณเป็นคนหนึ่งหรือไม่ ที่รู้สึกว่าหลังตื่นนอนตอนเช้า อารมณ์ไม่แจ่มใสอย่างที่ควรเป็น (ไม่นับอาการเบื่อเรียนหรือเบื่องาน) ทั้งๆ ที่นอนหลับเต็มอิ่ม ไม่เครียดหรือมีเรื่องทุกข์ร้อนใจ บางครั้งรับประทานอาหารเช้าแล้วกลับทำให้ยิ่งหิวเร็ว หนำซ้ำช่วงสายก่อนเที่ยงมีอาการมือสั่น อ่อนเพลีย หรือบ่ายๆ หลังรับประทานอาหารกลางวัน ยิ่งอ่อนเพลีย ง่วงนอน เฉื่อยชายิ่งกว่าเดิม อาการแบบนี้มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการรับประทานอาหาร ซึ่งอาหารกับอารมณ์นั้น เกี่ยวข้องกันชนิดที่คุณคาดไม่ถึงทีเดียว

แหล่งต้นเหตุของอาหารที่มีผลต่ออารมณ์

ในต่างประเทศมีงานวิจัยและบทความทางวิชาการศึกษา เกี่ยวกับบทบาทสารอาหารกับอารมณ์อยู่มากมายหลายชิ้น แต่บทความที่ได้รับรองอย่างเป็นทางการยังมีเพียงเล็กน้อย แต่ที่แน่ๆ ปัจจัยในร่างกายที่มีผลต่ออารมณ์ มาจาก 2 แหล่ง คือ อาหารและสารเคมีในสมอง

เริ่มจากอาหาร ที่ปกติเรารับประทาน 3 มื้อต่อวัน แต่ละมื้อประกอบด้วยอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต คือ แป้งและน้ำตาลเป็นหลัก เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของร่างกาย หลังจากรับประทานแล้ว ร่างกายจะค่อยๆ ย่อย เปลี่ยนให้เป็นคาร์โบไฮเดรตที่เล็กลง และกลายเป็นน้ำตาลกลูโคส เพื่อร่างกายสามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และนำไปใช้ตามอวัยวะต่างๆ ทั้งนี้ปริมาณและชนิดของคาร์โบไฮเดรตที่ต่างกัน ย่อมส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงต่างกัน เช่นเดียวกับระดับน้ำตาลกลูโคสที่ได้จากอาหารแต่ละชนิด หรือที่เราเรียกว่า “ดัชนีน้ำตาล” ค่าดัชนีน้ำตาลแบ่งเป็น 3 ระดับ คืออาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลปานกลาง และอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง

การรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูงมากเท่าไร

คาร์โบไฮเดรตก็จะย่อยเป็นกลูโคส และถูกดูดซึมอย่างรวดเร็ว กระตุ้นให้มีการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน ที่นำกลูโคสเข้าสู่เซลล์ต่างๆ เพื่อ
เผาผลาญเป็นพลังงาน แต่หลังจากรับประทานไปได้ 2-4 ชั่วโมง ระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ร่างกาย
อ่อนแรง อารมณ์เซื่องซึม ตัวอย่างอาหารดัชนีน้ำตาลสูง ได้แก่ ไอศกรีม ข้าวขาว ข้าวเหนียว มันฝรั่งบด ฯลฯ นอกจากนี้ระดับน้ำตาลในเลือดอาจแปรปรวน ลดและเพิ่มอย่างรวดเร็วจากกรณีอื่นๆ อีก เช่น

• รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อาหารประเภททอด ขนมขบเคี้ยวต่างๆ น้ำอัดลม เป็นต้น เพราะหลังจากรับประทานร่างกายจะรู้สึกหนัก อ่อนเพลียและง่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังอาหารเช้าและอาหารกลางวัน ที่คนทำงานหลายคนมีอาการตาหนัก ลืมไม่ขึ้นเป็นประจำ
• เว้นระยะเวลาการรับประทานอาหารระหว่างมื้อนานเกินไป หรือออกกำลังกายติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้เกิดสัญญาณเตือน เช่น อาการปวดหัวหรือเหนื่อยล้า มือสั่น เหงื่อแตก
• ไม่รับประทานอาหารเช้า หรือใช้วิธีลดความอ้วนด้วยการงดอาหารบางมื้อ ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด เพราะจะยิ่งทำให้ร่างกายต้องการพลังงานชดเชยมากขึ้นจากมื้อที่หายไป ส่งผลให้มื้อต่อๆ ไปรับประทานมากเกินได้ง่าย ส่วนปัจจัยที่มีผลต่ออารมณ์

ส่วนหนึ่งมาจากสารเคมีในสมอง ยกตัวอย่างเช่น

• เซอร์โรโทนิน (serotonin) ถ้าระดับเซอร์โรโทนินต่ำจะทำให้เกิดอาการซึมเศร้าได้ และมีการศึกษาพบว่า หากได้รับอาหารที่ไม่มีกรดอะมิโนทริบโทเฟน (Tryptophan) โดยอาหารที่มีทริบโทเฟน เช่น นม กล้วย โยเกิร์ต ข้าวโอ๊ต ซึ่งเป็นสารเริ่มต้นในการสังเคราะห์ เซอร์โรโทนินในสมอง จะทำให้การสร้างเซอร์โรโทนินลดลง ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ในบางคน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน การรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ข้าวเหนียว ข้าวโพด กรอย เผือกหรือมัน จะเพิ่มการสร้างเซอร์โรโทนินทำให้อารมณ์ดีขึ้น ซึ่งจะพบว่าคนบางคนเมื่อมีอาการซึมเศร้า จะอยากรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตมากขึ้น (เศร้าแล้วก็เลยอ้วน)
• การขาดกรดโฟลิก จากการศึกษาในหนูทดลอง เมื่อขาดกรดโฟลิก ทำให้ระดับเซอร์โรโทนินในสมองลดลง ซึ่งคาดว่าถ้ามนุษย์ขาดสารโฟลิกก็จะมีอารมณ์ซึมเศร้า ไม่กระตือรือร้น อาหารที่มีกรดโฟลิก ได้แก่ บร็อกโคลี ถั่วลิสง ข้าวซ้อมมือ
• การขาดไทอะมิน (วิตามินบี1) ทำให้ซึมเศร้า อ่อนเพลีย เนื่องจากวิตามินบี1 มีบทบาท สำคัญในการเผาผลาญกลูโคสให้เป็นพลังงาน และสมองจำเป็นต้องใช้พลังงานจากกลูโคส ถ้าขาดวิตามินบี1 ก็จะมีผลเหมือนการขาดคาร์โบไฮเดรต อาหารที่มีไทอะมิน ได้แก่ ปลา เนื้อสัตว์ปีก
• การขาดไนอะซิน ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่ง ก็มีผลต่ออารมณ์เช่นกัน คนที่ขาดวิตามินไนอะซินจะหงุดหงิด อารมณ์เสีย ถ้าขาดมากๆ ก็อาจจะถึงขั้นความจำเสื่อม ไนอะซินเป็นวิตามินที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญกลูโคสเช่นกัน การขาดไนอะซินนี้จะพบมากในกลุ่มคนที่รับประทานข้าวโพดเป็นอาหารหลัก ซึ่งในประเทศไทย ยังไม่พบการขาดวิตามินชนิดนี้ อาหารที่มีไนอะซิน ได้แก่ ไข่ เนื้อสัตว์ปีก ปลา ธัญพืชที่ไม่ขัดสี นม

รับประทานอาหารอย่างไรจึงทำให้อารมณ์ดีขึ้น

การปรับเปลี่ยนประเภทของอาหารเพียงเล็กน้อยก็สามารถส่งผลให้อารมณ์ดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแค่คุณ...

• รับประทานอาหารให้ครบมื้อ ถ้าไม่มีเวลารับประทานอาหารเป็นมื้อแบบกิจลักษณะ ควรเลือกของว่างเล็กๆ น้อยๆ เช่น ขนมปังโฮลวีทสักแผ่นหรือ ขนมปังกรอบธัญพืชสัก 2-3 แผ่น อย่าปล่อยให้ท้องว่างเด็ดขาด หรือว่าจะแบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อเล็กๆ แต่รับประทานบ่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำตาลในเลือดตก
• รับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ผักและผลไม้ที่มีเส้นใยมาก และมีรสไม่หวาน เป็นต้น เพราะร่างกายจะค่อยๆ ย่อยและดูดซึมช้าๆ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ สม่ำเสมอ และหลังรับประทานอาหารได้ 4-6 ชั่วโมง ร่างกายจะหลั่งสารฮอร์โมนบางชนิดเพื่อสลายไกลโคเจน ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตที่สะสมอยู่ในร่างกาย และเพิ่มการสร้างกลูโคสจากแหล่งอาหารอื่น เช่น ไขมัน
• งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน หันมาดื่มน้ำผลไม้คั้นสดหรือน้ำเปล่าธรรมดาแทน
• หมั่นออกกำลังกาย เนื่องจากหลังออกกำลังกายต่อเนื่องสัก 20 นาที ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนแอนโดรฟีนออกมาตามธรรมชาติ ทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้ปกระเปร่าและมีความสุข ลดความกังวลและเครียดลงได้

สรุปแล้วความสัมพันธ์ระหว่างอาหารและอารมณ์นี้ ยังมีความซับซ้อนอยู่มาก จำเป็นต้องมีการศึกษาเพื่อหาข้อสรุปต่อไป แต่ปราการป้องกันขั้นพื้นฐานไม่ให้อารมณ์หม่นหมอง ง่วงซึม ทุกครั้งที่เกี่ยวข้องกับการรับประทานอาหาร ก็ควรรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม ครบมื้อพอเพียงกับความต้องการของร่างกาย รับประทานอาหารหลากหลายให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงและมีค่าดัชนีน้ำตาลสูง ประกอบกับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับรองว่าอาการเซื่องซึม ง่วงนอน อ่อนเพลียจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด




รศ.ดร.อรอนงค์ กังสดาลอำไพ


แหล่งข้อมูล : นิตยสาร HealthToday

กินเพื่อสุขภาพ... ดีอย่างยั่งยืน

กินเพื่อสุขภาพ... ดีอย่างยั่งยืน

หลายคนทราบแล้วว่า อาหาร กับ สุขภาพ มีความเกี่ยวข้องกันอย่างมาก โรคภัยไข้เจ็บที่ทำให้ร่างกายมีอาการทุรนทุราย หลายอย่างเป็นผลมาจากการรับประทานอาหารด้วยส่วนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงหันมารับประทานอาหารเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น เช่น เลือกรับประทานผักมากกว่าเนื้อสัตว์ เลี่ยงที่จะบริโภคไขมัน แต่บางคนก็ทำจนเกินความพอดี ทำให้ขาดความสุขในการลิ้มรสชาติของอาหาร (แต่ถ้านั่นคือความสุขอย่างหนึ่งก็ไม่ว่ากัน) การรับประทานเพื่อสุขภาพ ไม่จำเป็นต้องอดๆ อยากๆ ปทุมรัตน์ เพียรชอบ ผู้จัดการ Wellness บริษัทเนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ซึ่งสำเร็จการศึกษาด้านเทคโนโลยีอาหาร จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและ Food Science จากมิชิแกน สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า เทรนด์การบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพเกิดขึ้นทั่วโลก และมีมากมายหลายแนวคิด และแนวคิดหนึ่งที่เนสท์เล่คิดว่า จะสร้างสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับผู้บริโภคชาวไทย ก็คือแนวทาง Balanced Diet & Lifestyle หรือ กินอยู่อย่างสมดุลและวิถีการใช้ชีวิต หมายถึงการสะท้อนข้อคิดในการ บริโภคอาหาร และ การใช้ชีวิต ให้มีความสมดุลซึ่งกันและกัน

ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีหนังสือให้อ่านมากมาย ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่า จะมีนิสัยเสาะแสวงหาการอ่านมากน้อยเพียงใดด้วย

อาหารที่สมดุล-พฤติกรรมตัวเอง

แนวคิดในการบริโภคแบบ Balanced Diet & Lifestyle แยกเป็นสองส่วน คือ Balanced Diet หรือ อาหารที่สมดุล หมายถึง ความหลากหลาย ต้องรับประทานอาหารให้มีความหลากหลาย อาหารมีด้วยกัน 5 หมู่ ควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ อย่ารับประทานอาหารอย่างเดิมซ้ำๆ กันไม่ยอมเปลี่ยน หรือรับประทานอาหารอยู่ประเภทเดียว

และอาหารทั้ง 5 หมู่นั้น ต้องรับประทานใน สัดส่วนที่พอเหมาะ กับ ไลฟ์สไตล์ นั่นก็คือการพิจารณาสัดส่วนอาหารให้เหมาะกับ วัย เพศ ขนาดของร่างกาย และ พฤติกรรมการใช้ชีวิต

เราควรรู้ว่าตนเองต้องการพลังงานกี่กิโลแคลอรีต่อวัน ซึ่งหลักพื้นฐานเบื้องต้นคือ • ผู้หญิง ต้องการพลังงาน 1,600-2,000 กิโลแคลอรี/วัน
• เด็ก ต้องการพลังงาน 1,200-1,800 กิโลแคลอรีวัน
• ผู้ชาย ต้องการพลังงาน 2,000-2,500 กิโลแคลอรี/วัน
• ผู้ใช้แรงงานหนัก (หรือผู้ออกกำลังกาย) ต้องการพลังงานมากกว่า 3,000 กิโลแคลอรี/วัน


และที่ควรรู้มากขึ้นไปอีกคือ ปริมาณอาหารแต่ละประเภทที่บริโภคในแต่ละวัน ให้พลังงานเท่าใด เช่น ข้อมูลที่บอกว่าผักปริมาณ 1 ทัพพี ให้พลังงาน 10 กิโลแคลอรี นั้นมีปริมาณแค่ไหน ข้าวปริมาณ 1 ทัพพีให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี นั้นมีปริมาณแค่ไหน เพราะเมื่อคำนวณคร่าวๆ แล้วจะได้ทราบว่าเราควรรับประทานอาหารปริมาณเท่าใดในแต่ละวัน

สรุปสั้นๆ ว่า ต้องรับประทานอาหารที่ 'หลากหลาย' และ 'พอเหมาะ'

ผู้บริโภคหลายคนอาจบอกว่า 'ฟังง่าย แต่ทำยาก' แต่คุณปทุมรัตน์ให้กำลังใจว่า ถ้าตั้งใจแล้วจะทำได้ เพราะรู้วิธี เพียงแต่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารกันบ้าง เพื่อสุขภาพที่ดีและยั่งยืนตามแนวทางของ Balanced Diet & Lifestyle ดังนี้

ตอนเช้าทำตัวเหมือนรวย ตอนเย็นทำตัวเหมือนยาจก

ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนเมือง หรือใครก็ตามที่มีวิถีชีวิตการทำงานที่เร่งรีบ และละเลยการบริโภค อาหารเช้า หรือรับประทานอาหารเช้าแต่น้อย เพราะต้องรีบเดินทาง นั่นคือลักษณะหนึ่งของการกินอยู่อย่างไม่สมดุล และทำร้ายสุขภาพตนเองทุกวัน ซึ่งเป็นผลมาจาก ไลฟ์สไตล์ หรือพฤติกรรมนั่นเอง

คุณปทุมรัตน์กล่าวว่า การไม่รับประทานอาหารเช้า มีผลทำให้สมองมีคุณภาพที่ด้อยลง-เสื่อมลงก่อนวัยอันสมควร เนื่องจากเวลาที่ร่างกายคนเรานอนหลับ 10-12 ชั่วโมง สารอาหารจะไม่เหลือเลย ร่างกายจะไม่มีน้ำตาล ให้สมองใช้งานในวันรุ่งขึ้น

วิธีแก้ไขคือ เมื่อทราบเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อสร้างความสมดุล คือต้องรับประทานอาหารเช้า หัดรับประทานทีละเล็กทีละน้อย ก่อนจะไปทำงานลองถามตัวเองว่า รับประทานอะไรแล้วหรือยัง

เช่นเดียวกับ อาหารเย็น บางคนรับประทานอาหารเย็นจนกระทั่งดึก อยากขอเตือนว่าควรรับประทานเย็นให้ห่างๆ จากเวลาที่จะหลับตานอน ถ้าเป็นไปได้คืออย่างน้อย 3-4 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพราะเวลาที่คนเราเข้านอน ระบบประสาทต่างๆ เริ่มพักผ่อน ทำให้กระบวนการย่อยอาหารทำงานไม่เต็มที่ หรือไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อระบบย่อยอาหารไม่ดี จะส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพเช่นกัน เพราะฉะนั้นควรทิ้งช่วงเวลา ในการรับประทานอาหารเย็นกับเวลานอน อย่าให้ตัวเรากินใกล้กับเวลานอนจนเกินไป

เหมือนกับที่นักโภชนาการมักพูดกันว่า ให้เราทำตัวเหมือนคนรวยตอนเช้า รับประทานอาหารให้เยอะๆ รับประทานให้อิ่ม ส่วนตอนเย็นทำตัวเหมือนยาจก รับประทานอาหารแต่พอประมาณ

กว่าสมองจะรู้ว่า 'อิ่ม'

ในการรับประทานอาหาร สมองใช้เวลา 15 นาทีกว่าจะรับรู้ว่าข้อมูลว่าร่างกายอิ่มแล้ว เพราะฉะนั้นอย่ารีบรับประทาน การรีบรับประทาน มีโอกาสทำให้ร่างกายได้ปริมาณอาหาร และพลังงานเกินจำนวนที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน เมื่อร่างกายได้พลังงานเกินความต้องการ และเผาผลาญไม่หมด ก็ทำให้เกิดปัญหาความอ้วนตามมา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคร้ายอื่นๆ กับร่างกายนั่นเอง

วิธีแก้ไขคือ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน ด้วยการเคี้ยวอาหารให้ช้าลง เมื่อร่างกายอิ่ม คุณอาจสังเกตเห็นว่าอาหารที่เหลือในจาน คือส่วนเกินที่ไม่ควรสั่งในมื้อต่อๆ ไป

เพิ่มความเข้มข้นให้โภชนบัญญัติข้อที่มักละเลย

หลักโภชนาการ 9 ข้อในการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี อยู่ในหลักสูตรการศึกษา และคนไทยส่วนใหญ่ทราบอยู่แล้ว ดังนั้น คุณปทุมรัตน์จึงขอเน้นโภชนบัญญัติ ข้อที่คนส่วนใหญ่มัก 'ละเลย' หรือยัง 'ด้อยในการปฏิบัติ' ให้หันมาเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติ ซึ่งต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กน้อย เพื่อสร้างความสมดุลในการรับประทานอาหาร (balanced diet) นั่นเอง
• โภชนบัญญัติข้อที่ 3: รับประทานพืชผักให้มาก และกินผลไม้เป็นประจำ อย่างน้อยวันละ 400 กรัม เพื่อให้ร่างกายได้ใยอาหาร ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน ลองนึกดูคงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับคนส่วนใหญ่ ที่ต้องบริโภคผัก-ผลไม้วันละเกือบครึ่งกิโลกรัม แต่ปัจจุบันมีวิธีที่จะทำให้ร่างกายได้เส้นใยอาหารเพียงพอต่อวัน โดยไม่จำเป็นต้องบริโภคแต่ผัก-ผลไม้ นั่นก็คือการบริโภค ธัญพืชเต็มเมล็ด ซึ่งเป็นทางเลือกและมีแทรกอยู่ในมื้ออาหารหลักๆ ในแต่ละวัน เช่น ข้าวกล้อง ที่มี 'จมูกข้าว' ซึ่งเต็มไปด้วยเส้นใยอาหาร ข้าวโพด ลูกเดือย ก็ถือเป็นธัญพืชเต็มเมล็ด หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปซีเรียลอาหารเช้า ขนมปังโฮลวีต ก็มีส่วนผสมของธัญพืชเต็มเมล็ดมากมาย แม้กระทั่งอาหารจานหลักบางอย่าง ซึ่งคนนิยมรับประทาน ก็มีส่วนผสมของธัญพืชเต็มเมล็ดแล้วเช่นกัน เช่น โซบะโฮลวีต พาสต้าโฮลวีต

• โภชนบัญญัติข้อที่ 6: กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร ร่างกายของผู้หญิง ผู้ชาย และคนใช้แรงงาน (หรือออกกำลังกาย) ต้องการพลังงานจากไขมันไม่เกินวันละ 25 กรัม (5 ช้อนชา) 35 กรัม (7 ช้อนชา) และ 45 กรัม (9 ช้อนชา) ตามลำดับ แต่ลองพิจารณาในแต่ละวัน เวลาที่เราสั่งอาหารจานเดียว หรือสั่งผัดผักมาเป็นกับข้าวสักจาน แม่ค้ามักเทน้ำมันลงไปจนเจิ่งนองก้นกระทะ โอกาสที่ร่างกายจะได้รับพลังงานจากไขมัน เกินความจำเป็นในแต่ละวันนั้นมีมาก เมื่อสะสมมากเข้าในแต่ละวัน คนเราจึงอ้วนได้ง่าย ดังนั้นถ้าเลี่ยงได้ ควรเลี่ยงอาหารที่เป็นของทอด อาหารประเภทผัด แกงกะทิ รวมทั้งเลี่ยงการใช้น้ำมันที่ผ่านการทอดแล้ว

ความรู้เกี่ยวกับการบริโภคไขมันที่ควรรู้เพิ่มเติมคือ ไม่ควรบริโภคน้ำมันที่มี กรดไขมันอิ่มตัว (Saturated Fat) กรดไขมันทรานส์ (Trans Fat) และอาหารที่มี คอเลสเตอรอลสูง (ไขมันจากสัตว์) ซึ่งอาจจะทำให้คอเลสเตอรอลโดยรวม และคอเลสเตอรอลชนิดความหนาแน่นต่ำ (LDL Cholesterol) มีปริมาณสูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดโรคเบาหวาน


• โภชนบัญญัติข้อที่ 7: หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสจัด หวานจัด เค็มจัด หมายถึงลดการบริโภคน้ำตาล-เกลือ ความจริง น้ำตาล ทำให้อาหารอร่อย บางทีก็ทำให้อาหารเหนียวหนืดขึ้น ตามความจำเป็นในการทำอาหารบางประเภท แต่ความหวานจากน้ำตาลเป็น พลังงานที่สูญเปล่า (Empty Calories) เนื่องจากเป็นพลังงานที่ไม่มีเส้นใยอาหาร ไม่มีสารอาหาร ไม่มีวิตามิน-เกลือแร่ให้กับร่างกาย สิ่งที่น้ำตาลให้ได้อย่างเดียวคือเรื่องของ 'ความหวาน' ยิ่งรับประทานน้ำตาลเข้าไปมากเท่าไร ก็ยิ่งไปแย่งโควตาของพลังงานที่ร่างกายต้องการต่อวัน ยิ่งเราเติมน้ำตาลในก๋วยเตี๋ยวหรือเครื่องดื่ม ก็ยิ่งแย่งที่พลังงานของร่างกาย และทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับใยอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

หวานแค่ไหนจึงจะพอดี ขอให้แนวคิดไว้ว่า อาหารว่างหรือขนมไม่ควรเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน หรือดื่มกาแฟ เติมน้ำตาลไปกี่ช้อนแล้ว วันหนึ่งดื่มกาแฟกี่ครั้ง...ให้ระวัง สิ่งที่เราเติมเอง เราควบคุมได้ แต่สิ่งที่เขาเติมมาให้อยู่แล้ว จะควบคุมอย่างไร


• อีกเรื่องหนึ่งคือ เกลือ ซึ่งทำให้อาหารมีความเค็ม และแทรกอยู่เต็มไปหมดในน้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสปรุงรสต่างๆ บะหมี่สำเร็จรูปในซอง ขนมกรุบกรอบ ผักดอง และของขบเคี้ยวจำพวก 'ของดอง' ถ้าจำเป็นต้องใช้เครื่องปรุงรสที่ให้ความเค็ม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ให้ความเค็มที่มีคุณภาพ (โซเดียมต่ำ) ไม่จำเป็นต้องเลิกใช้ เพียงแต่ขอให้ลดการบริโภค อาหารที่ปรุงรสเค็มจัด เช่น ชิมอาหารก่อนปรุงรส หรือเหยาะซอสปรุงรสเค็มแต่น้อย เพราะร่างกายต้องการโซเดียมเพียงเล็กน้อย ถ้าบริโภคมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดปัญหาความดันต่ำ


บทสรุป

เราจะไม่ห้ามผู้บริโภคว่า ไม่ควรรับประทานอะไร เพราะบางครั้งอาจทำให้เขารู้สึกต่อต้านตั้งแต่แรก แต่เราจะสอนให้เขารู้จักสร้างความสมดุลให้ร่างกาย เช่น ตอนบ่าย รับประทานเค้กหรือขนมหวานได้ แต่ช่วงเย็นควรเลือกรับประทานอาหารประเภทให้พลังงานน้อย แต่เพิ่มผักและผลไม้ หรือในวันที่รู้ตัวว่าได้แคลอรีเกิน ก็จะต้องออกกำลังกายมากขึ้น คุณปทุมรัตน์กล่าว

Balanced Diet & Lifestyle คือแนวคิดหนึ่งในการบริโภคอาหาร และใช้ชีวิตให้มีความสมดุลซึ่งกันและกัน ด้วยหลัก 4 ประการง่ายๆ คือ กินหลากหลาย-เพิ่มผักผลไม้, ลดหวาน มัน เค็ม, กินเท่าไรใช้ให้หมด และ อ่านเป็นกินเป็น เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน


วลัญช์ สุภากร

29 มีนาคม 2551


แหล่งข้อมูล : www.bangkokbiznews.com

กินเพื่อสุขภาพ... ดีอย่างยั่งยืน

กินเพื่อสุขภาพ... ดีอย่างยั่งยืน

หลายคนทราบแล้วว่า อาหาร กับ สุขภาพ มีความเกี่ยวข้องกันอย่างมาก โรคภัยไข้เจ็บที่ทำให้ร่างกายมีอาการทุรนทุราย หลายอย่างเป็นผลมาจากการรับประทานอาหารด้วยส่วนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงหันมารับประทานอาหารเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น เช่น เลือกรับประทานผักมากกว่าเนื้อสัตว์ เลี่ยงที่จะบริโภคไขมัน แต่บางคนก็ทำจนเกินความพอดี ทำให้ขาดความสุขในการลิ้มรสชาติของอาหาร (แต่ถ้านั่นคือความสุขอย่างหนึ่งก็ไม่ว่ากัน) การรับประทานเพื่อสุขภาพ ไม่จำเป็นต้องอดๆ อยากๆ ปทุมรัตน์ เพียรชอบ ผู้จัดการ Wellness บริษัทเนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ซึ่งสำเร็จการศึกษาด้านเทคโนโลยีอาหาร จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและ Food Science จากมิชิแกน สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า เทรนด์การบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพเกิดขึ้นทั่วโลก และมีมากมายหลายแนวคิด และแนวคิดหนึ่งที่เนสท์เล่คิดว่า จะสร้างสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับผู้บริโภคชาวไทย ก็คือแนวทาง Balanced Diet & Lifestyle หรือ กินอยู่อย่างสมดุลและวิถีการใช้ชีวิต หมายถึงการสะท้อนข้อคิดในการ บริโภคอาหาร และ การใช้ชีวิต ให้มีความสมดุลซึ่งกันและกัน

ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีหนังสือให้อ่านมากมาย ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่า จะมีนิสัยเสาะแสวงหาการอ่านมากน้อยเพียงใดด้วย

อาหารที่สมดุล-พฤติกรรมตัวเอง

แนวคิดในการบริโภคแบบ Balanced Diet & Lifestyle แยกเป็นสองส่วน คือ Balanced Diet หรือ อาหารที่สมดุล หมายถึง ความหลากหลาย ต้องรับประทานอาหารให้มีความหลากหลาย อาหารมีด้วยกัน 5 หมู่ ควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ อย่ารับประทานอาหารอย่างเดิมซ้ำๆ กันไม่ยอมเปลี่ยน หรือรับประทานอาหารอยู่ประเภทเดียว

และอาหารทั้ง 5 หมู่นั้น ต้องรับประทานใน สัดส่วนที่พอเหมาะ กับ ไลฟ์สไตล์ นั่นก็คือการพิจารณาสัดส่วนอาหารให้เหมาะกับ วัย เพศ ขนาดของร่างกาย และ พฤติกรรมการใช้ชีวิต

เราควรรู้ว่าตนเองต้องการพลังงานกี่กิโลแคลอรีต่อวัน ซึ่งหลักพื้นฐานเบื้องต้นคือ • ผู้หญิง ต้องการพลังงาน 1,600-2,000 กิโลแคลอรี/วัน
• เด็ก ต้องการพลังงาน 1,200-1,800 กิโลแคลอรีวัน
• ผู้ชาย ต้องการพลังงาน 2,000-2,500 กิโลแคลอรี/วัน
• ผู้ใช้แรงงานหนัก (หรือผู้ออกกำลังกาย) ต้องการพลังงานมากกว่า 3,000 กิโลแคลอรี/วัน


และที่ควรรู้มากขึ้นไปอีกคือ ปริมาณอาหารแต่ละประเภทที่บริโภคในแต่ละวัน ให้พลังงานเท่าใด เช่น ข้อมูลที่บอกว่าผักปริมาณ 1 ทัพพี ให้พลังงาน 10 กิโลแคลอรี นั้นมีปริมาณแค่ไหน ข้าวปริมาณ 1 ทัพพีให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี นั้นมีปริมาณแค่ไหน เพราะเมื่อคำนวณคร่าวๆ แล้วจะได้ทราบว่าเราควรรับประทานอาหารปริมาณเท่าใดในแต่ละวัน

สรุปสั้นๆ ว่า ต้องรับประทานอาหารที่ 'หลากหลาย' และ 'พอเหมาะ'

ผู้บริโภคหลายคนอาจบอกว่า 'ฟังง่าย แต่ทำยาก' แต่คุณปทุมรัตน์ให้กำลังใจว่า ถ้าตั้งใจแล้วจะทำได้ เพราะรู้วิธี เพียงแต่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารกันบ้าง เพื่อสุขภาพที่ดีและยั่งยืนตามแนวทางของ Balanced Diet & Lifestyle ดังนี้

ตอนเช้าทำตัวเหมือนรวย ตอนเย็นทำตัวเหมือนยาจก

ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนเมือง หรือใครก็ตามที่มีวิถีชีวิตการทำงานที่เร่งรีบ และละเลยการบริโภค อาหารเช้า หรือรับประทานอาหารเช้าแต่น้อย เพราะต้องรีบเดินทาง นั่นคือลักษณะหนึ่งของการกินอยู่อย่างไม่สมดุล และทำร้ายสุขภาพตนเองทุกวัน ซึ่งเป็นผลมาจาก ไลฟ์สไตล์ หรือพฤติกรรมนั่นเอง

คุณปทุมรัตน์กล่าวว่า การไม่รับประทานอาหารเช้า มีผลทำให้สมองมีคุณภาพที่ด้อยลง-เสื่อมลงก่อนวัยอันสมควร เนื่องจากเวลาที่ร่างกายคนเรานอนหลับ 10-12 ชั่วโมง สารอาหารจะไม่เหลือเลย ร่างกายจะไม่มีน้ำตาล ให้สมองใช้งานในวันรุ่งขึ้น

วิธีแก้ไขคือ เมื่อทราบเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อสร้างความสมดุล คือต้องรับประทานอาหารเช้า หัดรับประทานทีละเล็กทีละน้อย ก่อนจะไปทำงานลองถามตัวเองว่า รับประทานอะไรแล้วหรือยัง

เช่นเดียวกับ อาหารเย็น บางคนรับประทานอาหารเย็นจนกระทั่งดึก อยากขอเตือนว่าควรรับประทานเย็นให้ห่างๆ จากเวลาที่จะหลับตานอน ถ้าเป็นไปได้คืออย่างน้อย 3-4 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพราะเวลาที่คนเราเข้านอน ระบบประสาทต่างๆ เริ่มพักผ่อน ทำให้กระบวนการย่อยอาหารทำงานไม่เต็มที่ หรือไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อระบบย่อยอาหารไม่ดี จะส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพเช่นกัน เพราะฉะนั้นควรทิ้งช่วงเวลา ในการรับประทานอาหารเย็นกับเวลานอน อย่าให้ตัวเรากินใกล้กับเวลานอนจนเกินไป

เหมือนกับที่นักโภชนาการมักพูดกันว่า ให้เราทำตัวเหมือนคนรวยตอนเช้า รับประทานอาหารให้เยอะๆ รับประทานให้อิ่ม ส่วนตอนเย็นทำตัวเหมือนยาจก รับประทานอาหารแต่พอประมาณ

กว่าสมองจะรู้ว่า 'อิ่ม'

ในการรับประทานอาหาร สมองใช้เวลา 15 นาทีกว่าจะรับรู้ว่าข้อมูลว่าร่างกายอิ่มแล้ว เพราะฉะนั้นอย่ารีบรับประทาน การรีบรับประทาน มีโอกาสทำให้ร่างกายได้ปริมาณอาหาร และพลังงานเกินจำนวนที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน เมื่อร่างกายได้พลังงานเกินความต้องการ และเผาผลาญไม่หมด ก็ทำให้เกิดปัญหาความอ้วนตามมา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคร้ายอื่นๆ กับร่างกายนั่นเอง

วิธีแก้ไขคือ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน ด้วยการเคี้ยวอาหารให้ช้าลง เมื่อร่างกายอิ่ม คุณอาจสังเกตเห็นว่าอาหารที่เหลือในจาน คือส่วนเกินที่ไม่ควรสั่งในมื้อต่อๆ ไป

เพิ่มความเข้มข้นให้โภชนบัญญัติข้อที่มักละเลย

หลักโภชนาการ 9 ข้อในการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี อยู่ในหลักสูตรการศึกษา และคนไทยส่วนใหญ่ทราบอยู่แล้ว ดังนั้น คุณปทุมรัตน์จึงขอเน้นโภชนบัญญัติ ข้อที่คนส่วนใหญ่มัก 'ละเลย' หรือยัง 'ด้อยในการปฏิบัติ' ให้หันมาเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติ ซึ่งต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กน้อย เพื่อสร้างความสมดุลในการรับประทานอาหาร (balanced diet) นั่นเอง
• โภชนบัญญัติข้อที่ 3: รับประทานพืชผักให้มาก และกินผลไม้เป็นประจำ อย่างน้อยวันละ 400 กรัม เพื่อให้ร่างกายได้ใยอาหาร ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน ลองนึกดูคงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับคนส่วนใหญ่ ที่ต้องบริโภคผัก-ผลไม้วันละเกือบครึ่งกิโลกรัม แต่ปัจจุบันมีวิธีที่จะทำให้ร่างกายได้เส้นใยอาหารเพียงพอต่อวัน โดยไม่จำเป็นต้องบริโภคแต่ผัก-ผลไม้ นั่นก็คือการบริโภค ธัญพืชเต็มเมล็ด ซึ่งเป็นทางเลือกและมีแทรกอยู่ในมื้ออาหารหลักๆ ในแต่ละวัน เช่น ข้าวกล้อง ที่มี 'จมูกข้าว' ซึ่งเต็มไปด้วยเส้นใยอาหาร ข้าวโพด ลูกเดือย ก็ถือเป็นธัญพืชเต็มเมล็ด หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปซีเรียลอาหารเช้า ขนมปังโฮลวีต ก็มีส่วนผสมของธัญพืชเต็มเมล็ดมากมาย แม้กระทั่งอาหารจานหลักบางอย่าง ซึ่งคนนิยมรับประทาน ก็มีส่วนผสมของธัญพืชเต็มเมล็ดแล้วเช่นกัน เช่น โซบะโฮลวีต พาสต้าโฮลวีต

• โภชนบัญญัติข้อที่ 6: กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร ร่างกายของผู้หญิง ผู้ชาย และคนใช้แรงงาน (หรือออกกำลังกาย) ต้องการพลังงานจากไขมันไม่เกินวันละ 25 กรัม (5 ช้อนชา) 35 กรัม (7 ช้อนชา) และ 45 กรัม (9 ช้อนชา) ตามลำดับ แต่ลองพิจารณาในแต่ละวัน เวลาที่เราสั่งอาหารจานเดียว หรือสั่งผัดผักมาเป็นกับข้าวสักจาน แม่ค้ามักเทน้ำมันลงไปจนเจิ่งนองก้นกระทะ โอกาสที่ร่างกายจะได้รับพลังงานจากไขมัน เกินความจำเป็นในแต่ละวันนั้นมีมาก เมื่อสะสมมากเข้าในแต่ละวัน คนเราจึงอ้วนได้ง่าย ดังนั้นถ้าเลี่ยงได้ ควรเลี่ยงอาหารที่เป็นของทอด อาหารประเภทผัด แกงกะทิ รวมทั้งเลี่ยงการใช้น้ำมันที่ผ่านการทอดแล้ว

ความรู้เกี่ยวกับการบริโภคไขมันที่ควรรู้เพิ่มเติมคือ ไม่ควรบริโภคน้ำมันที่มี กรดไขมันอิ่มตัว (Saturated Fat) กรดไขมันทรานส์ (Trans Fat) และอาหารที่มี คอเลสเตอรอลสูง (ไขมันจากสัตว์) ซึ่งอาจจะทำให้คอเลสเตอรอลโดยรวม และคอเลสเตอรอลชนิดความหนาแน่นต่ำ (LDL Cholesterol) มีปริมาณสูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดโรคเบาหวาน


• โภชนบัญญัติข้อที่ 7: หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสจัด หวานจัด เค็มจัด หมายถึงลดการบริโภคน้ำตาล-เกลือ ความจริง น้ำตาล ทำให้อาหารอร่อย บางทีก็ทำให้อาหารเหนียวหนืดขึ้น ตามความจำเป็นในการทำอาหารบางประเภท แต่ความหวานจากน้ำตาลเป็น พลังงานที่สูญเปล่า (Empty Calories) เนื่องจากเป็นพลังงานที่ไม่มีเส้นใยอาหาร ไม่มีสารอาหาร ไม่มีวิตามิน-เกลือแร่ให้กับร่างกาย สิ่งที่น้ำตาลให้ได้อย่างเดียวคือเรื่องของ 'ความหวาน' ยิ่งรับประทานน้ำตาลเข้าไปมากเท่าไร ก็ยิ่งไปแย่งโควตาของพลังงานที่ร่างกายต้องการต่อวัน ยิ่งเราเติมน้ำตาลในก๋วยเตี๋ยวหรือเครื่องดื่ม ก็ยิ่งแย่งที่พลังงานของร่างกาย และทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับใยอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

หวานแค่ไหนจึงจะพอดี ขอให้แนวคิดไว้ว่า อาหารว่างหรือขนมไม่ควรเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน หรือดื่มกาแฟ เติมน้ำตาลไปกี่ช้อนแล้ว วันหนึ่งดื่มกาแฟกี่ครั้ง...ให้ระวัง สิ่งที่เราเติมเอง เราควบคุมได้ แต่สิ่งที่เขาเติมมาให้อยู่แล้ว จะควบคุมอย่างไร


• อีกเรื่องหนึ่งคือ เกลือ ซึ่งทำให้อาหารมีความเค็ม และแทรกอยู่เต็มไปหมดในน้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสปรุงรสต่างๆ บะหมี่สำเร็จรูปในซอง ขนมกรุบกรอบ ผักดอง และของขบเคี้ยวจำพวก 'ของดอง' ถ้าจำเป็นต้องใช้เครื่องปรุงรสที่ให้ความเค็ม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ให้ความเค็มที่มีคุณภาพ (โซเดียมต่ำ) ไม่จำเป็นต้องเลิกใช้ เพียงแต่ขอให้ลดการบริโภค อาหารที่ปรุงรสเค็มจัด เช่น ชิมอาหารก่อนปรุงรส หรือเหยาะซอสปรุงรสเค็มแต่น้อย เพราะร่างกายต้องการโซเดียมเพียงเล็กน้อย ถ้าบริโภคมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดปัญหาความดันต่ำ


บทสรุป

เราจะไม่ห้ามผู้บริโภคว่า ไม่ควรรับประทานอะไร เพราะบางครั้งอาจทำให้เขารู้สึกต่อต้านตั้งแต่แรก แต่เราจะสอนให้เขารู้จักสร้างความสมดุลให้ร่างกาย เช่น ตอนบ่าย รับประทานเค้กหรือขนมหวานได้ แต่ช่วงเย็นควรเลือกรับประทานอาหารประเภทให้พลังงานน้อย แต่เพิ่มผักและผลไม้ หรือในวันที่รู้ตัวว่าได้แคลอรีเกิน ก็จะต้องออกกำลังกายมากขึ้น คุณปทุมรัตน์กล่าว

Balanced Diet & Lifestyle คือแนวคิดหนึ่งในการบริโภคอาหาร และใช้ชีวิตให้มีความสมดุลซึ่งกันและกัน ด้วยหลัก 4 ประการง่ายๆ คือ กินหลากหลาย-เพิ่มผักผลไม้, ลดหวาน มัน เค็ม, กินเท่าไรใช้ให้หมด และ อ่านเป็นกินเป็น เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน


วลัญช์ สุภากร

29 มีนาคม 2551


แหล่งข้อมูล : www.bangkokbiznews.com

การเลือกอาหารอย่างชาญฉลาด

การเลือกอาหารอย่างชาญฉลาด

ถาม : หลักโภชนาการที่ถูกต้อง หมายถึงอะไร
ตอบ : เรื่องของการรับประทานอาหาร ให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ ก็คงจะเหมือนกับที่เราคุยกัน ในสมัยก่อนว่า ควรรับประทานอาหาร ให้ครบทั้ง 5 หมู่ แต่ในปัจจุบันนี้ อาจจะมีรายละเอียดเพิ่มเติม อาทิ สัดส่วนของอาหาร อาหาร 5 หมู่ ไม่ได้หมายถึง การรับประทานอาหาร แต่ละหมู่เท่าๆ กันหมด แต่กลุ่มที่เป็นอาหารหลัก คือ กลุ่มข้าวที่เป็นธัญญพืช ผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นข้าวกล้อง ข้าวเหนียว ก๋วยเตี๋ยวบะหมี่ ส่วนปริมาณที่เพิ่มขึ้นมา ก็คือ ผักและผลไม้ ซึ่งจะได้ประโยชน์ ทั้งใยอาหารและแร่ธาตุต่างๆ ส่วนปริมาณที่จะต้องจำกัด รับประทานอาหาร ในปริมาณที่พอสมควรเท่านั้น ก็คือ พวกเนื้อสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะเนื้อแดง น้ำมัน นอกเหนือจากนั้น ก็คือ เรื่องของการดูแล เรื่องน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคขาดอาหาร และโรคที่เกิดจากโภชนาการอาหารเกิน เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคอัมพฤกษ์ ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับอาหารประเภทอื่นๆ ก็คือ พวกอาหาร และเกลือโซเดียมในปริมาณที่สมควร งดเหล้า เบียร์ แอลกอฮอล์ ส่วนการกระจายอาหารในแต่ละมื้อ ก็ควรจะให้ครบถ้วนทั้ง 3 มื้อ

ถาม : ในแต่ละวันแต่ละบุคคล ควรรับประทานอาหารอย่างไร ถึงจะได้สัดส่วนที่เหมาะสม
ตอบ : จริงๆ แล้วด้านหลักก็ คือ การกำหนดน้ำหนักตัวให้เป็นปกติ คงไม่สามารถบอกได้ว่า การรับประทานข้าว 1 จานแล้ว น้ำหนักตัวจะเท่ากัน กระบวนการเผาผลาญหรือ การใช้ชีวิตประจำวัน ในแต่ละคนไม่เหมือนกัน ก็คงจะต้องให้แต่ละบุคคลเป็นเทียบ ถ้าหากคิดว่าน้ำหนักตัวในคนเรา อยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ และได้มาตรฐาน รับประทานอาหาร ให้น้ำหนักตัว ให้ได้มาตรฐาน ถ้าหากน้ำหนักน้อยเกินไป ก็ควรเพิ่มปริมาณของอาหารขึ้น แต่ถ้าน้ำหนักมากเกินไป ก็คงจะต้องลดปริมาณ จากที่เคยรับประทานอาหารอยู่

ถาม : ในกรณีที่ไม่สามารถรับประทานอาหาร ให้ครบทั้ง 3 มื้อ ควรทำอย่างไร สามารถชดเชย ในมื้อต่อไปได้หรือไม่
ตอบ : ถ้าถามแง่ที่ว่าชดเชยได้หรือไม่ จริงๆ ก็ได้ แต่ไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะในมื้อเช้า ซึ่งจริงๆ เป็นมื้อที่สำคัญมาก ของร่างกาย เพราะร่างกายอดอาหาร ตั้งแต่มื้อเย็นก่อนหน้า ซึ่งประมาณ 8 -12 ช.ม. ถ้าหากเราตื่นเช้า แล้วก็ยังไม่ได้อาหาร แต่ต้องใช้พลังงาน ร่างกายก็จะเสียสมดุล อาจจะมีปัญหาน้ำตาลในเลือดต่ำ พลังงานที่จะไปเลี้ยงสมอง ก็จะต่ำลง โดยเฉพาะที่น่าเป็นห่วง ก็คือ เด็กนักเรียน ที่ไม่ได้รับประทานอาหารเช้า จริงๆ อาหารเช้าไม่จำเป็น จะต้องเป็นการรับประทานข้าวเสมอไป รับประทานอะไรก็ได้

ถาม : สำหรับผู้ที่ต้องควบคุมน้ำหนัก ในมื้อเย็นที่ต้องงดอาหาร จะทำให้ร่างกายนั้น ขาดสมดุล
ตอบ : ถึงแม้จะแนะนำว่า ต้องลดน้ำหนัก คือ ลดปริมาณอาหาร โดยทั่วไปเรามักจะแนะนำ ให้ลดปริมาณอาหาร ในแต่ละมื้อลง แต่ไม่ใช่ลดเป็นมื้อๆ ซึ่งมีข้อมูลทางการศึกษา ที่ยืนยัดชัดเจนว่า ถ้าอดอาหารเป็นมื้อๆ จะทำให้การควบคุมน้ำหนัก ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะว่ากว่าจะถึงมื้อต่อไป จะหิว แล้วจะมีความรู้สึกว่า ไม่ได้ทานอาหารไปหนึ่งมื้อ จึงต้องรับประทานชดเชย แล้วจะรับประทานอาหารมากขึ้น ดังนั้น ควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ ส่วนในมื้อเย็น ควรทานให้น้อยที่สุด เพราะมื้อนี้ร่างกายของเรา มักจะไม่ได้ใช้พลังงาน

ถาม : นอกจากการรับประทานอาหาร ตามปกติในแต่ละวันแล้ว เรามีความจำเป็น ที่จะต้องรับประทานอาหารเสริมอีกหรือไม่
ตอบ : ในปัจจุบัน อย. กำหนดให้เรียก ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีหลายรูปแบบ ทั้งในแง่ของวิตามิน แร่ธาตุ หรือสารอื่นๆ ที่สกัดจากธรรมชาติ ถ้าจะถามว่ามีประโยชน์หรือไม่ คงจะต้องดูจากวัย หรือบางขณะของโรคที่เป็นอยู่ ก็อาจจะมีความต้องการสารอาหาร หรือแร่ธาตุต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งบางกลุ่มช่วงอายุ ก็มีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่า การให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด อาจจะช่วยได้ เช่น ขณะที่ตั้งครรภ์ เราก็จะให้ธาตุเหล็กเสริม หรือผู้หญิงที่วันหมดประจำเดือน ก็จะแนะนำให้รับประทานแคลเซียมเพิ่มมากขึ้น หรือในคนป่วยที่รับประทานอาหารได้น้อย ก็ควรจะรับประทานอาหารเสริมแร่ธาตุ หรือวิตามินในช่วงสั้นๆ สำหรับคนทั่วไปที่ไม่เจ็บป่วย และสามารถรับประทานอาหารตามปกติได้ทั้ง 3 มื้อ เรื่องของการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ก็ไม่มีความจำเป็น

ถาม : ในแต่ละวัยนั้น ควรเลือกอาหารอย่างไร ถึงจะเหมาะสม
ตอบ : • ถ้าจะเริ่มตั้งแต่ในวัยทารก ก็คงจะต้องเป็นนมแม่ถึงจะดีที่สุด 3 - 4 เดือนแรกนั้น
ควรจะเน้นในเรื่อง ของการรับประทานนมแม่เป็นหลัก 4 - 6 เดือน ก็ควรเสริมอาหารอื่นๆ ควบคู่กับนมแม่ไปด้วย หลัง 6 เดือน จะต้องใช้อาหารปริมาณของอาหารเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
• วัยเด็กที่กำลังเจริญเติบโตมากขึ้น กลุ่มนี้ ควรจะต้องได้รับปริมาณอาหารที่เพียงพอ เรามักจะแนะนำให้ดื่มนม วันละ 2 แก้ว เพื่อให้ได้พลังงานและโปรตีน
• พอย่างเข้าสู่วัยรุ่น ก็คงจะต้องรับประทานอาหารตามปกติ แต่ต้องระวัง เพราะวัยที่เป็นวัยที่รักสวยรักงาม วัยที่จะพยายามควบคุมอาหาร จริงๆ ในวัยนี้ ควรจะเป็นอาหารที่มีคุณค่า แต่ถ้าต้องการควบคุมเรื่องน้ำหนัก ก็ควรรับประทานผัก หรือ ธัญญพืชที่มีเส้นใยอาหารมากขึ้น ก็จะช่วยได้ ควรระวังเรื่องการควบคุมอาหาร เพราะอาจจะเกี่ยวข้องกับความสูงได้
• วัยผู้ใหญ่ ก็คงจะไม่แตกต่างไปกับวัยรุ่น ยกเว้นในช่วงที่มีครรภ์ในผู้หญิง ที่ควรจะต้องได้รับแร่ธาตุ แคลเซียม และธาตุเหล็กเสริม ในปริมาณที่เพียงพอ รับประทานอาหารในปริมาณมากขึ้น แต่ก็จะมีอัตราการ เพิ่มของน้ำหนักตัว ของสตรีมีครรภ์ที่เหมาะสม ในกลุ่มของผู้ใหญ่กลางคน ส่วนใหญ่น้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น ความต้องการพลังงานจะปรับลดลง กลุ่มที่ควรจะต้องควบคุมอาหาร และออกกำลังกายที่เหมาะสม
• วัยสูงอายุ ควรรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ เพราะไม่ว่าน้ำหนักตัวจะลดลง หรือเพิ่มขึ้นอย่างลง อัตราการเสี่ยงชีวิตจะสูง และถ้าเรามองประเด็น ของโรคกระดูกพรุน ที่มักพบในผู้สูงอายุ จริงๆ การป้องกันโรคกระดูกพรุน ควรรับประทานอาหาร ที่มีแคลเซียมสูง ตั้งแต่วัยรุ่นควรดื่มน้ำ ซึ่งอาจจะเป็นนมพร่องมันเนย ปัญหาที่มักพบบ่อย ในวัยผู้สูงอายุอีกปัญหา ก็คือ ปัญหาไขมัน เช่นเลือด โรคเบาหวาน โรคความดันในเลือดสูงขึ้น คงจะต้องลดปริมาณไขมันลง หมั่นออกกำลังกาย เช็คสุขภาพอย่างน้อยปีละครั้ง


ถาม : อาหารแต่ละชนิดในคุณค่า แตกต่างกันโดยเฉพาะ ถ้าจะรับประทานเพื่อป้องกันโรค ดังนั้น เราจะมีวิธีเลือกอาหารแต่ละชนิดอย่างไร
ตอบ : ที่มาของอาหาร ควรประกอบด้วยอาหารทั้ง 5 หมู่ มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำซาก ซึ่งอาหารทุกอย่าง มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ตั้งแต่ส่วนประกอบในตัวเนื้อ ตลอดไปจนปัจจัยในการผลิต หรือการส่งต่อ เพราะฉะนั้น ถ้าหากเขารับประทานอาหารซ้ำๆ โดยคิดว่าอาหารชนิดนั้นดี ก็มีโอกาสขาดสารอาหาร ที่ควรจะได้จากอาหารอื่นๆ แต่ในขณะเดียวกัน มีโอกาสรับสาร อันไม่พึงประสงค์ในอาหารนั้น หรือสารปนเปื้อนจึงเป็นเหตุผล ว่าในแต่ละมื้อ ควรทานอาหารให้หลากหลาย เพื่อให้ได้คุณค่าอาหารมาชดเชยกัน เพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่ อาหาร 1 มื้อ จะสมบูรณ์ตามความต้องการของร่างกาย

ถาม : การรับประทานอาหารจานด่วนเป็นประจำ จะมีผลกระทบอย่างไร ต่อร่างกายในเรื่องคุณค่าอาหารบ้างหรือไม่
ตอบ : ถ้ารับประทานเป็นประจำ หรือ 2 มื้อต่อวัน ที่น่าเป็นห่วง ก็คือ คุณลักษณะของอาหาร

1. เนื้อสัตว์ค่อนข้างเยอะ
2. ไขมันค่อนข้างสูง
3. เกลือโซเดียมสูง
4. ผักน้อย

เพราะฉะนั้น ถ้ารับประทานอาหารลักษณะนี้บ่อยๆ ซ้ำซาก โอกาสที่จะเป็น โรคอ้วนค่อนข้างมาก จะได้เส้นใยอาหารน้อยเกินไป ก็จะมีโรคอ้วนค่อนข้างมาก แล้วจะมีโรคเรื้อรังตามมา เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิต โรคของลำไส้อักอีกด้วย


ถาม : ข้อแนะนำช่วงท้ายรายการ
ตอบ : หลักการโดยสรุป ก็คือ

1. โภชนาการตามหลักโภชนาการ
2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
3. ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส
4. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง ที่จะทำให้เกิดโรค



รศ.พญ. ปรียานุช แย้มวงษ์
ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม


แหล่งข้อมูล : Siriraj E-Public Library - www.si.mahidol.ac.th

ข้อมูลสุขภาพ - โำภชนาการ และ สารอาหาร

กินดี...ต้านโรคได้

การกิน ไม่ใช่กินอย่างไรให้อร่อย แต่เน้นเรื่อง “ กินดี ” เพื่อต้านโรค เพราะเล็งเห็นว่าคนยุคนี้มีโรคภัยมากมายเกาะกุมรุมเร้าอันมีสาเหตุมาจากอาหารการกิน ผู้ใหญ่และวัยรุ่นยุคนี้คุ้นเคยกับอาหารจานด่วนมากกว่าน้ำพริกผักจิ้ม ส่วนเด็กยุคใหม่เรียกได้ว่าโตมาจากนมผงและอาหารจานด่วน แถมดูอ้วนท้วนสมบูรณ์แก้มกลมแสนน่ารัก แต่อนาคตทำนายได้ยากว่าจะรอดพ้นจากภัย โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดตีบ โรคมะเร็งได้แค่ไหน

แล้วอาหารมีผลอย่างไรที่ทำให้เกิดโรคได้ ?

เมื่ออาหารเข้าสู่ร่างกายของเราแล้วจะถูกย่อยเป็นโครงสร้างเล็กๆ เพื่อเข้าสู่กระบวนการเผาผลาญ หรือเมตาบอลิซึม ที่ทำให้เซลล์เล็กๆ ในร่างกายสามารถนำสารอาหารไปใช้ประโยชน์และเป็นพลังงาน แต่เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารในสัดส่วนที่ไม่สมดุลเหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย ทำให้มีแนวโน้มของการได้รับสารอาหารบางประเภทมากเกิน โดยเฉพาะแป้ง น้ำตาล และไขมัน ยกตัวอย่างเช่น แป้ง น้ำตาล ที่มักพบในอาหารจานด่วนและขนมต่างๆ เมื่อได้รับมากเกินไปจะทำให้ร่างกายหลั่งอินซูลินเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด และเมื่อมีปริมาณไม่เพียงพอ จะนำไปสู่การเป็นเบาหวานได้ นอกจากนี้แป้งและน้ำตาลที่เหลือใช้จะเปลี่ยนเป็นไขมันและสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายทำให้เกิดโรคอ้วน ซึ่งเมื่อเกิดการสะสมมากขึ้น ระบบการทำงานของร่างกายจะเริ่มแปรปรวนและทำงานบกพร่องจนนำไปสู่โรคต่างๆ เช่น ไขมันที่ไปเกาะอยู่ตามหลอดเลือดจะทำให้หลอดเลือดสูญเสียความยืดหยุ่น ปิดกั้นการไหลเวียนของเลือด จนอาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือดไปเลี้ยง

การป้องกันย่อมดีกว่าแก้ไข “ การกินดี เพื่อต้านโรค ” จึงต้องเริ่มจากการเลือกอาหารในแต่ละวันให้มีสัดส่วนและปริมาณที่เหมาะสม ลดและเลี่ยงอาหารบางชนิด โดยมีหัวใจหลักดังนี้

เลือกกินอาหารที่หลากหลาย

เนื่องจากอาหารแต่ละชนิดจะมีองค์ประกอบของสารอาหารไม่เหมือนกัน โดยจะมีปริมาณที่แตกต่างออกไปตามหมวดหมู่ของอาหาร เช่น ส้มจะเป็นแหล่งของวิตามินซี แต่มีวิตามินบี 12 อยู่น้อย ในขณะที่ชีสจะมีปริมาณของวิตามินบี 12 อยู่มากกว่า การกินอาหารชนิดเดียวกันทุกๆ วันจะทำให้ร่างกายได้สารอาหารที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะผู้ที่กินมังสวิรัติมีแนวโน้มที่จะขาดโปรตีน วิตามินบี แคลเซียม และธาตุเหล็กได้ง่าย จึงอาจจำเป็นต้องรับประทาน วิตามิน หรืออาหารเสริม ในหนึ่งวันจึงควรเลือกอาหารให้ครบ 5 หมู่ ได้แก่ ธัญพืช ผัก ผลไม้ นม เนื้อสัตว์ และถั่วตามปริมาณที่เหมาะสมกับแต่ละคน

คุมปริมาณพลังงานและสัดส่วนสารอาหารในแต่ละวัน

คุณควรเลือกกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่ให้พลังงานต่ำ การหมั่นสังเกตฉลากแสดงปริมาณสารอาหารที่เป็นองค์ประกอบ ในอาหารนั้นๆ จะทำให้เข้าใจและสามารถกำหนดสัดส่วนการกินใน แต่ละมื้อได้ดีขึ้น โดยเฉลี่ยพลังงานที่ได้รับในแต่ละวัน 50% ควรมาจาก กลุ่มคาร์โบไฮเดรต ซึ่งควรเน้นอาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าว และธัญพืชต่างๆ อาหารกลุ่มโปรตีน ได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่ และถั่วต่างๆ ควรได้รับประมาณ 15% ส่วนที่เหลือ 35% มาจากไขมันชนิดดี หรือไขมันที่ไม่อิ่มตัว

กินธัญพืช ผัก และผลไม้ เป็นหลัก

อาหารจำพวกธัญพืช ผัก และผลไม้ นอกจากจะเป็นแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุ และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่มีคุณค่าแล้ว ยังเป็นกลุ่มของอาหารที่มีไขมันต่ำมาก ทำให้อิ่มนานเพราะมีใยอาหารปริมาณสูง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ใยอาหารซึ่งมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดีจะช่วยในการขับถ่ายและดูดซึมสารพิษในลำไส้ โดยขับออกมาพร้อมกับอุจจาระ จึงช่วยป้องกันการสะสมของสารพิษ และลดอาการท้องผูก ริดสีดวงทวาร และลดอัตราเสี่ยงของมะเร็งที่
ลำไส้ใหญ่ได้

เลือกกินแต่ไขมันชั้นดี

ไขมันไม่ได้มีโทษไปเสียทุกชนิด ร่างกายยังต้องการไขมันเพื่อใช้เป็นพลังงาน สร้างความอบอุ่น ช่วยในการทำงานของสมอง และเป็นองค์ประกอบของฮอร์โมนต่างๆ รวมทั้งช่วยในการดูดซึมวิตามินเอ ดี อี เค ไขมันที่ดีคือไขมันที่ไม่อิ่มตัว มีมากในน้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมัน-ข้าวโพด น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกคำฝอย และปลาทะเล ฯลฯ ส่วนไขมันชนิดเลวคือไขมันอิ่มตัวจะทำให้ระดับโคเลสเตอรอลในร่างกาย เพิ่มขึ้น อาจสะสมอุดตันในเส้นเลือด น้ำมันชนิดนี้มักพบในกะทิ น้ำมัน-มะพร้าว น้ำมันปาล์ม ไขมันจากสัตว์ และนม แต่ในเมื่อนมเป็นอาหารที่มีประโยชน์สูง คุณอาจเปลี่ยนมาดื่มนมไขมันต่ำแทนก็ได้

ลดน้ำตาลลง

อาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตซึ่งได้แก่แป้งและน้ำตาล เมื่อเข้าสู่ร่างกายและผ่านกระบวนการย่อยจะได้กลูโคส ซึ่งก็คือน้ำตาลชนิดหนึ่ง กลูโคสเป็นสารที่ให้พลังงานกับร่างกาย ในขณะเดียวกันหากมีมาก เกินไปจะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสม จึงไม่เป็นผลดีต่อผู้ที่ต้องการ ควบคุมน้ำหนักตัว นอกจากนี้การมีน้ำตาลอยู่ในร่างกายปริมาณสูงจะ ทำให้การสร้างอินซูลินที่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดเสียสมดุลไป เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงขนมหวานหรือเครื่องดื่มที่มีรสหวาน การเลือกกินข้าวกล้องที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจะทำให้ร่างกายค่อยๆ สลายกลูโคสออกมาอย่างช้าๆ จะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้

เลี่ยงรสเค็ม

อาหารส่วนใหญ่มีเกลือโซเดียมเป็นองค์ประกอบในปริมาณสูง มีอยู่ในอาหารทั่วไปเกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นซอสปรุงรส น้ำปลา ขนมกรุบกรอบ อาหารหมักดอง อาหารสำเร็จรูป และอาหารที่มีรสเค็มทุกชนิด จึงเป็นไปได้ว่าเรามักจะได้รับโซเดียมเกินความต้องการของ ร่างกาย แม้ว่าโซเดียมจะมีประโยชน์ช่วยควบคุมปริมาณน้ำและความดัน-เลือดในร่างกาย แต่การได้รับโซเดียมมากเกินไปจะก่อให้เกิดโรคความดัน-โลหิตสูงได้ โดยในผู้ใหญ่แนะนำว่าควรได้รับประมาณวันละไม่เกิน 1,100-3,300 มิลลิกรัม

ระวังภัย 7 โรคร้าย ...ด้วยการกินให้ถูกวิธี

ถ้าคุณเป็นคนกินไม่เลือก ตามใจลิ้นอยู่ร่ำไป เมื่อร่างกายที่อยู่ในภาวะโภชนาการไม่ดีไปนานๆ ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาโรคเรื้อรังต่างๆ ขึ้นตามมาได้ ซึ่งโรคหลักๆ จากอาหารมีอยู่ไม่มากตามที่เกริ่นไว้แต่ต้น ดังนั้นถ้าสายเสียแล้วที่จะแก้ไข การเลือกวิธีโภชนบำบัด (diet therapy) ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย เพื่อให้การรักษาได้ผลอย่างเต็มประสิทธิภาพ ร่วมไปกับการรักษาทางการแพทย์

เป็นเบาหวานต้องคุมน้ำตาล

โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เซลล์ต่างๆ ทำงานได้น้อยลง รวมทั้งเกิดความผิดปกติในการเผาผลาญสารอาหารด้วย ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก เบาหวานสามารถควบคุมได้ด้วยการควบคุมอาหาร ซึ่งสำคัญมากกว่าการรักษาด้วยยา ควรงดเว้นอาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำตาล ทุกชนิด จำกัดปริมาณผลไม้ และธัญพืชต่างๆ รวมทั้งข้าว เพราะจะมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด รับประทานผักประเภทใบที่มีใยอาหารสูงให้มากขึ้นในปริมาณไม่จำกัด เช่น ผักบุ้ง ผักกาดขาว ส่วนอาหารจำพวกโปรตีนยังสามารถกินได้ปกติ แต่ควรระมัดระวังเรื่องน้ำหนักตัว เพราะจะส่งผลโดยตรงกับอาการของเบาหวาน
การคุมอาหารควรทำไปพร้อมไปกับการควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

อาหารกับโรคหลอดเลือดแข็งและโคเลสเตอรอล

ภาวะไขมันในเลือดสูงจะมีผลให้ไขมันไปเกาะตามผนังหลอดเลือดจนขาดความยืดหยุ่นและ อุดตันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ถ้าเกิดการอุดตันจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย (myocardial infarction) และเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว ไขมันที่พบว่าเกิดการสะสม คือ โคเลสเตอรอล เพื่อความปลอดภัยองค์การอนามัยโลกได้เสนอให้ควบคุมปริมาณโคเลสเตอรอลในเลือดให้ต่ำกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเลือด 100 มิลลิลิตร เมื่อโคเลสเตอรอลได้จากอาหาร การควบคุมโดยลดการกินไขมันอิ่มตัว เช่น ไขมันจากสัตว์ ไข่แดง นม น้ำมันพืชบางชนิด เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม เพิ่มปริมาณอาหารที่มีใยอาหารให้มากขึ้น เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวโอ๊ต เพราะใยอาหารจะจับกับ โคเลสเตอรอลในลำไส้เล็กทำให้ถูกดูดซึมได้น้อย และจะถูกขับออกมาทางอุจจาระ นอกจากนี้ แหล่งไขมันที่ควรได้รับในแต่ละวันควรมาจากไขมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันรำข้าว อย่างน้อย 10-12% ของพลังงานทั้งหมด

ควบคุมสัดส่วนอาหารต้านโรคอ้วน

น้ำหนักตัวเกินมาตรฐานเกิดจากร่างกายได้รับพลังงานมากเกินความต้องการ จึงเกิดการสะสมในรูปของไขมัน จนอาจทำให้การทำงานของร่างกายผิดปกติและเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ตามมา เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน ข้ออักเสบ และระบบทางเดินหายใจ การรักษาจะต้องเริ่มจากสาเหตุ คือควบคุมปริมาณการกินอาหารให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม และออกกำลังกายให้มากขึ้น ในส่วนของอาหารนั้นจำเป็นต้องกินอาหารให้ครบทุกมื้อ แต่ลดพลังงานลงวันละ 500 แคลอรี จะสามารถ ลดน้ำหนักลงได้สัปดาห์ละ 1/2 กิโลกรัม เช่น เปลี่ยนจากกินข้าวมาเป็นผักที่มีใยอาหารสูงเพื่อให้อิ่มนานขึ้น งดอาหารที่มีไขมันมาก เช่น เนื้อติดมัน อาหารทอด และงดอาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารทุกมื้อควรมีปริมาณโปรตีนที่มีคุณภาพอย่างเพียงพอ เช่น ถั่วชนิดต่างๆ แทนที่จะเป็นเนื้อสัตว์ที่มักจะมีไขมันสูง

โปรตีนต่ำเพื่อพยุงโรคไต

ไต ทำหน้าที่ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย แต่ส่วนใหญ่จากการเผาผลาญของโปรตีน ดังนั้นอาหารที่ทำให้ไตต้องทำงานหนักมากขึ้นในการขับถ่ายของเสีย คือ โปรตีน โรคเกี่ยวกับไตมีอยู่มากมายหลายชนิด แต่โดยสรุปก็คือทำให้ไตไม่สามารถทำหน้าที่อย่างปกติได้ หลักสำคัญในการรักษาด้วยอาหารคือช่วยให้ไตทำงานน้อยลง เพื่อให้ไตได้มีโอกาสพักหรือฟื้นตัว และลดการคั่งของของเสีย อาหารที่รับประทานควรจะมีปริมาณโปรตีนน้อย แต่เป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูง เช่น เนื้อสัตว์ นม ไข่ เพื่อนำไปช่วยเสริมสร้างทดแทนเนื้อเยื่อต่างๆ ที่สูญเสียไป แต่สำหรับผู้ที่เป็นไตวายเรื้อรังจะมีระดับฟอสเฟตในเลือดสูง จำเป็นต้องงดโปรตีนที่มาจากนม ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ และไข่ เพราะเป็นอาหารที่มีปริมาณฟอสเฟตสูง เมื่อจำกัดปริมาณโปรตีนในอาหารแล้ว พลังงานส่วนใหญ่ที่ได้รับจึงมาจากน้ำตาล ไขมัน และแป้งที่มีโปรตีนน้อย เช่น วุ้นเส้น แป้งมัน ข้าวโพด มันสำปะหลัง วุ้น ลูกชิด สาคู เป็นต้น รวมทั้งจำกัดการได้รับโซเดียม โดยหลีกเลี่ยงสารปรุงรสที่มีเกลือโซเดียมเป็นองค์ประกอบทั้งสิ้น

โรคความดันโลหิตสูงต้องระวังเกลือ

ความดันโลหิตสูง เป็นโรคที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากแรงดันภายในหลอดเลือดแดงสูงตลอดเวลา โดยแรงดันค่าสูงสุด (systolic blood pressure) และแรงดันค่าต่ำสุด (diastolic blood pressure) มีค่าสูงกว่า 160/95 โรคความดันโลหิตสูงจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมามากมาย คือหลอดเลือดแดง ไม่แข็งแรง เลือดไปเลี้ยงไม่สะดวก โดยเฉพาะถ้าเกิดขึ้นในบริเวณอวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ สมอง ไต หรือจอตา ก็จะส่งผลให้เกิดอันตรายหรือถึงแก่ชีวิตได้ หลักการรักษาโรคความดันโลหิตสูงคือการควบคุมอาหาร การลดน้ำหนักลงให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และออกกำลังกายสม่ำเสมอ รวมทั้งหลีกเลี่ยงความเครียด การดื่มเหล้า และสูบบุหรี่ อาหารที่ควรจำกัดคืออาหารที่มีเกลือหรือโซเดียมอยู่มาก เพราะโซเดียมที่อยู่ในเกลือจะทำหน้าที่ในการควบคุมสมดุลแรงดันของผนังเซลล์ และปริมาณน้ำในร่างกาย อาหารที่มีเกลือโซเดียมมาก ได้แก่ น้ำปลา ซอสปรุงรสต่างๆ อาหารทะเล และยาบางชนิด นอกจากนี้ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันมาก เพราะจะทำให้การควบคุมน้ำหนักเป็นไปได้ยาก โดยน้ำหนักที่เกินมาตรฐานจะทำให้หัวใจ ทำงานหนักมากขึ้นด้วย

โรคเกาต์กับกรดยูริค

โรคเกาต์เกิดจากการที่ร่างกายมีระดับกรดยูริค (uric acid) ในเลือดสูง ร่างกายได้รับกรดยูริคจากอาหาร และจากการสังเคราะห์ขึ้นในร่างกายโดยการสลายตัวของเซลล์ต่างๆ โดยจะมีอาการปวดที่เกิดจากการอักเสบของบริเวณที่มีการสะสมของกรดยูริค โดยเฉพาะบริเวณเนื้อเยื่อข้อต่อของกระดูก ทำให้ข้อกระดูกเสื่อม และกระดูกบริเวณนั้นผิดรูปได้ อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเกาต์จะต้องมีสัดส่วนของสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นแหล่งของกรดยูริค เช่น เครื่องในสัตว์ ถั่วต่างๆ ไข่ปลา ชะอม กะปิ ปลาซาร์ดีนกระป๋อง สัตว์ปีก กุ้งชีแฮ้ หอย น้ำต้มกระดูก ซุปก้อน ปลาขนาดเล็ก เห็ด กระถิน ยีสต์ ปลาอินทรีย์ เป็นต้น ผู้ที่เป็นโรคเกาต์ควรกินอาหารที่มีไขมันน้อยลงเพื่อให้น้ำหนักลดลง ถ้ากินไขมันมากเกินไปจะทำให้ขับถ่ายกรดยูริคได้ไม่ดี แต่อย่างไรก็ดีไม่ควรได้รับอาหารที่มีพลังงานต่ำจนเกินไป เพราะร่างกายจะมีการสลายไขมันจากเนื้อเยื่อ ออกมาใช้ ทำให้มีปริมาณกรดยูริคสะสมเพิ่มขึ้นและขับถ่ายออกจากร่างกายลดลง น้ำตาลและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ควรงดเพราะมีผลต่อการขับถ่ายกรดยูริคด้วยเช่นกัน

ระวังอาหารห่างไกลโรคมะเร็ง

มะเร็ง (cancer) เป็นเนื้อเยื่อที่เจริญเติบโตผิดปกติ โดยจะขยายเซลล์ไปทำลายเนื้อเยื่อที่อยู่ใกล้เคียง รวมทั้งกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ด้วย พบว่าอัตราการเสียชีวิตของประชากรโลกจากมะเร็งเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากปัจจัยภายนอกที่เป็นตัวกระตุ้น ได้แก่ มลพิษจากสภาพแวดล้อมและอาหาร ข้อมูลต่างๆ จากการศึกษาพบว่าพฤติกรรมการกินอาหารมีผลกับการเกิดโรคมะเร็งมาก เพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็งจึงควรปฏิบัติดังนี้

• จำกัดอาหารที่มีปริมาณโคเลสเตอรอลสูง เนื่องจากพบว่ามะเร็งในลำไส้ใหญ่มักเกิดในกลุ่มผู้ที่กินอาหารที่มีไขมันและโคเลสเตอรอลสูงเป็นเวลานานๆ
• หลีกเลี่ยงอาหารหมักดองหรือรมควันที่จะก่อให้เกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร
• กินผักและผลไม้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะผักที่มีสารซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งมะเร็ง ได้แก่ อินดอล (indole) อะโรมาติกไอโซไทโอไซยาเนต (aromatic isothiocyanate) ในดอกกะหล่ำม่วง บร็อคโคลี รวมทั้งผักและผลไม้ที่เป็นแหล่งของวิตามินซีและอี เช่น มะเขือเทศ ส้ม มะนาว จมูกข้าวสาลี ดอกคำฝอย ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ที่จะช่วยลดการทำลายของเนื้อเยื่อที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง

สำหรับแนวทางการจัดอาหารสำหรับผู้ที่เป็นมะเร็ง คือ ให้มีสารอาหารครบสัดส่วนตามที่ร่างกายต้องการ โดยอาจจำเป็นต้องแบ่งอาหารออกเป็นหลายมื้อ ดัดแปลงอาหารให้น่ากิน รสชาติดี เนื่องจากความบกพร่องของระบบย่อยอาหารและปัญหาด้านจิตใจ ที่สำคัญควรเป็นอาหารที่ปรุงสุก

จะเห็นได้ว่าอาหารที่ดีนอกจากปรุงแต่งรสชาติได้อร่อยถูกใจแล้ว การเลือกสรรสารอาหารให้ได้สัดส่วนและเหมาะสมกับแต่ละคนยังเป็นการป้องกันโรคได้ หรืออย่างน้อยการระวังในการกินสักหน่อยก็ทำให้คนเราอยู่กับโรคต่างๆ ได้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ไม่ลำบากมากนัก ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญกับอาหารที่คุณกินในแต่ละมื้อเพื่อการมีสุขภาพที่ดี เพราะ You Are What You Eat... ก็ยังคงเป็นจริงเสมอ


แหล่งข้อมูล : นิตยสาร - HealthToday